วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ย้อนประวัติ 'หวยไทย' ลุ้นสนุกได้...อย่าลุ่มหลง



"หวย" ถือ เป็นวิธีการเสี่ยงโชคอย่างหนึ่งที่คนในสังคมไทยให้ความสนใจและนิยมบริโภค เกือบทุกระดับชั้น โดยเฉพาะชั้นรากหญ้า จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าหวยเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนไทยมายาวนานหลายยุคหลาย สมัย ดังนั้นหวย จึงมีวิวัฒนาการในรูปแบบต่าง ๆ เรื่อยมา จนกลายมาเป็น "ลอตเตอรี่" ในปัจจุบัน

แต่ ก่อนที่หวยจะพัฒนามาเป็นลอตเตอรี่ หรือสลากกินแบ่งรัฐบาลที่เรารู้จักกันในวันนี้ ย้อนกลับไปศึกษาประวัติการเล่นหวยในประเทศไทย มีเรื่องราว น่าสนใจกล่าวไว้ว่า คนไทยเริ่มรู้จักการเล่นหวยมาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้า อยู่หัว รัชกาลที่ 3 ซึ่งคำว่า "หวย หรือหวย ก.ข. หรือหวยเบอร์" ได้ เกิดขึ้นโดยชาวจีนที่อาศัยอยู่ ในประเทศไทยเป็นผู้ขอสัมปทานด้วยการประมูลตั้งเป็นโรงบ่อนหวยและผู้ได้รับ สัมปทานเป็นนายอากรหวยจะได้รับบรรดาศักดิ์เป็นขุนบาลเบิกบุรีรัตน์หรือคน ทั่วไปเรียก "ขุนบาล" ผู้อำนวยการออกหวยทุกเช้าค่ำ จนเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนจึงนิยมเล่นกันมากในสมัยนั้น

ต่อ มาการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลในประเทศไทยเริ่มมีขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุล จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยมีฝรั่งชาวอังกฤษชื่อ "ครูอาล บาสเตอร์" เป็นผู้นำลักษณะการออกรางวัลสลากแบบยุโรปมา เผยแพร่เป็นคนแรก เรียกว่า "ลอตเตอรี่" พระ บาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน พระบรมราชานุญาตให้กรมทหารมหาดเล็กออกลอตเตอรี่เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2417 เนื่องในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาของพระองค์ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยเหลือพ่อค้าต่างชาติที่นำสินค้ามาร่วมแสดงในการ จัดพิพิธภัณฑ์ที่ตึกคองคาเดีย ในพระบรมมหาราชวัง

ใน สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลิกบ่อนหวย ก.ข. สำเร็จประกาศเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2459 แต่อย่างไรก็ตามยังมีผู้คนแอบเล่นหวยเบอร์กันจนถึงปัจจุบัน โดยอาศัยเลขท้ายรางวัลของสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นตัวจ่ายรางวัลในการเล่นผิด กฎหมายนี้ หลังจากประกาศเลิกหวย ก.ข. แล้วใน ปี พ.ศ. 2460 ซึ่งเป็นช่วงที่อยู่ ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 สหราชอาณาจักรอังกฤษซึ่งเป็นประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรประสงค์จะกู้เงินจาก ประเทศไทยเพื่อใช้ในการสงคราม แต่ไม่อาจกู้โดยตรงจากรัฐบาลไทยได้ เพราะเป็นการกระทบกระเทือนงบประมาณ สภารักชาติแห่งประเทศอังกฤษ จึงดำเนินนโยบายกู้เงินจากประชาชนด้วยการออกลอตเตอรี่ โดยได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

และในปี พ.ศ.2466 ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ออก "ลอตเตอรี่เสือป่าล้านบาท" เพื่อ หารายได้บำรุงกอง เสือป่าอาสาสมัคร ซึ่งพิมพ์จำนวน 1 ล้านฉบับ จำหน่ายฉบับละ 1 บาท ซึ่งวิธีการออกสลากในสมัยนั้นเพียงแค่นำเลขที่ออกรางวัลบรรจุกล่องทึบแล้ว ใส่ลงในไห ตั้งเรียงตามลำดับจากหลักหน่วย สิบ ร้อย พัน หมื่น แสน ก่อนออกรางวัลกรรมการจะจับสลากเพื่อทราบว่าครั้งนี้จะออกรางวัลที่เท่าใด แล้วจึงให้กรรมการล้วงตลับบรรจุเลขหมายออกมาเปิดต่อหน้ากรรมการและประชาชนจน หมดทุกรางวัลเป็นอันเสร็จการออกรางวัลสลากนั้น ๆ

ภาย หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในปี พ.ศ.2476 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล ที่ 7 รัฐบาล มีนโยบายที่ จะลดเงินรัชชูปการ (เงินที่เรียกเก็บจากชายไทยที่มิต้องรับราชการ ทหาร) ทำให้รัฐขาดรายได้ จึงได้ดำริให้ มีการออกลอตเตอรี่รัฐบาลขึ้นโดยเรียกว่า "ลอตเตอรี่รัฐบาลสยาม" โดยพิมพ์ออกจำหน่ายจำนวน 1 ล้านฉบับ ฉบับละ 1 บาท ปีละ 4 งวด และ ต่อมาในปี พ.ศ. 2477 คณะ รัฐมนตรีได้อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยออก "สลากกินแบ่งบำรุงเทศบาล" โดย กำหนดว่า หากเดือนใดเป็นเดือนที่ออก สลากกินแบ่งรัฐบาล เดือนนั้นให้งดจำหน่ายสลากกินแบ่งของเทศบาล โดยเริ่มจำหน่ายงวดแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2478 แล้วออกสลากเดือนเมษายน พ.ศ. 2479 โดยพิมพ์จำนวน 500,000 ฉบับ ฉบับละ 1 บาท และได้มีการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลและสลากบำรุงเทศบาลเรื่อยมา

จน กระทั่งในปี พ.ศ. 2482 ถือเป็นยุคที่สลากกินแบ่งรัฐบาลเริ่มดำเนินการอย่างจริงจัง โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้โอนกิจการสลากกินแบ่งรัฐบาลและสลากบำรุงเทศบาลมา สังกัดกระทรวงการคลังและได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล ขึ้น โดยมีพระยาพรหมทัตศรีพิลาส เป็นประธานกรรมการ เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2482 จึงถือเป็นวันสถาปนาสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจนถึงปัจจุบัน และการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลก็ได้พัฒนาเรื่อยมาจนกระทั่งปี พ.ศ. 2517 ได้มีการออกพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลขึ้น กำหนดให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นนิติบุคคล และเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงการคลัง

วัน ชัย สุระกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล แสดงมุมมองว่า สลากกินแบ่งรัฐบาลหรือลอตเตอรี่ในปัจจุบันกับหวยหรือหวย ก.ข. ในอดีตมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คือสลากกินแบ่งฯ จะเป็นการเสี่ยงโชคโดยใช้ตัวเลขแต่หวยจะใช้ตัวอักษรและที่แตกต่างกันอย่าง ชัดเจนก็คือ วัตถุประสงค์ของสลากกินแบ่งฯ นำเงินที่ได้ ไปช่วยเหลือสังคม นอกเหนือจากรายได้ที่แน่นอนที่ต้องส่งเข้ารัฐไม่ต่ำกว่า 28 เปอร์เซ็นต์ตามข้อกำหนดเพื่อเป็นงบประมาณแผ่นดินใช้ในการบริหารประเทศแล้ว ยังมีการแบ่งเงินช่วยเหลือสังคม ในด้านการสาธารณสุขการพยาบาล การกีฬาและอื่น ๆ อีกมากมายรวมทั้งเพื่อเป็นการ คืนกำไรให้กับประชาชนที่ไม่ ถูกสลากอีกด้วยใน โครงการ "CSR หรือ Corporate Social Responsibility การ ดำเนินโครงการรับผิดชอบต่อสังคม" ส่วนหวยเป็นการเสี่ยงโชคที่ผิด กฎหมาย ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์อย่างแท้จริงมีเพียงคนเดียวคือ เจ้ามือหวย

อย่างไรก็ตามสลากกินแบ่งฯ ในปัจจุบันมีข้อดีคือผู้ซื้อทราบแน่นอนว่าหากถูกรางวัลจะได้รับเงินจำนวน เท่าไหร่ เพราะด้านหลังสลากระบุไว้ อีกทั้ง สลากมีอายุนานถึง 2 ปีนับจากวันออกสลาก หากซื้อไปแล้วตรวจไม่ทันสามารถย้อนกลับไปดูได้เรา มีข้อมูลเก็บไว้และสามารถพิมพ์จำนวนเท่าใดก็ได้เท่านั้นเพราะมียี่ปั๊วรับ ซื้อ แต่ข้อเสียก็คือเป็นการพิมพ์สลากไว้ล่วงหน้ามีเลขจำกัด เช่น ชุดละ 1 ล้าน 46 ชุดก็เป็นเงิน 46 ล้านบาท เป็นการกำหนดไว้ล่วงหน้าหลายวันเพื่อให้ผู้ขายนำไปขาย ซึ่งใน 1 ชุด มีเลขท้ายเลขเดียวทำให้เป็นข้อจำกัดที่ว่าบางคนอยากได้เลขนี้แต่คนอื่นซื้อ ไปแล้วทำให้มีการโก่งราคาและเกิดปัญหาขายเกินราคาขึ้น

นอกจาก นี้สลากกินแบ่งฯ ในประเทศไทยขณะนี้ถือว่าโบราณเพราะยังใช้รูปแบบเดิม ๆ อยู่ รวมทั้งใช้เวลาการออกรางวัลสลากนานถึง 15 วัน ซึ่งยังมีประเทศไทยและประเทศในแถบเอเชีย อีกไม่กี่ประเทศที่ยังคงใช้วิธีลักษณะนี้ แต่ประเทศในแถบยุโรปใช้แบบดิจิทัลซ่อนตัวเลข อยู่ข้างในและให้ผู้ซื้อขูด เลขออกมาลุ้นกัน โดยออกรางวัลอาทิตย์ละครั้ง แต่ถ้ามองในแง่ดีแบบเก่าของประเทศเราก็ไม่เป็นการมอมเมาประชาชนจนเกินไป เพราะออกไม่บ่อยและจำนวนมีจำกัด จึงอยากจะเตือนประชาชนให้ ซื้อสลากตามอัตภาพไม่ซื้อมากเพื่อหวังเงินรางวัลและอย่าลุ่มหลงจนเกินไป

ใน อนาคตข้างหน้าเราหวังจะได้เห็นวิวัฒนาการของสลากในรูปแบบใหม่ขึ้น โดยการลดขนาดลงประมาณครึ่งหนึ่งเพราะสลากแบบปัจจุบันนี้ก็ยังถือว่าใหญ่เกิน ไป ทำให้เปลืองกระดาษและวางแผงลำบาก ในสมัยก่อนที่ต้องมีขนาดใหญ่เพื่อโชว์รูปภาพแต่ตอนนี้เราจะโชว์ตัวเลข เพื่อประหยัดกระดาษลง ทำให้ผู้ซื้อพกพาสะดวกโดยไม่เน้นรูปภาพแล้ว เพราะปัจจุบันเราขายสลากได้รายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยจึงไม่ต้องส่งเสริมการ ขายในตัวสินค้าและจะพยายามส่งกำไรกลับคืนไปสู่สังคมทุกช่องทาง จึงมั่นใจได้ว่ากำไรไม่ได้หายไปไหนรัฐบาลจะนำกลับไปสู่ผู้เล่นให้ได้ ประโยชน์สูงสุด

ถึงแม้สลากกินแบ่งฯหรือลอตเตอรี่จะถูกกฎหมาย หรือแม้กระทั่งหวยบนดิน ใต้ดิน หวยออนไลน์ ที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่นี้ผิดหรือถูกกฎหมายอย่างไร แต่ทั้งหมดก็ถือว่าเป็นการเสี่ยงโชคหรือการพนันทั้งสิ้น หากเราสามารถควบคุมได้และเล่นสนุกพอดีก็จะไม่เดือดร้อน แต่หากปล่อยให้มันครอบงำเหมือนผีพนันเข้าสิง ถ้าไม่รวยก็หมดเนื้อหมดตัวกันแน่คราวนี้...

วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552

50 วิธีทำให้ผู้หญิงมีความสุข และ 1 วิธีทำให้ผู้ชายมีความสุข

1. เป็นเพื่อน
2. เป็นคนรัก
3. เป็นพี่ เป็นน้อง
4. เป็นพ่อ
5. เป็นอาจารย์
6. เป็นพ่อครัว
7. เป็นช่างไฟ
8. เป็นช่างไม้
9. เป็นช่างประปา
10. เป็นช่างซ่อมรถ
11. เป็นสถาปนิก
12. เป็นดีไซเนอร์
13. เป็นคนเก่งในเรื่อง sex
14. เป็นคนรอบรู้เรื่องผู้หญิง
15. เป็นนักจิตวิทยา
16. เป็นผู้ฟังที่ดี
17. เป็นผู้จัดการที่ดี
18. เป็นพ่อที่ดี
19. เป็นคนสะอาดเรียบร้อย
20. เป็นคนเข้าใจความรู้สึกคน
21. เป็นนักกีฬา
22. เป็นคนอบอุ่น
23. เป็นคนดูแลเอาใจใส่
24. เป็นห่วงเป็นใย
25. เป้นคนกล้าหาญ
26. เป็นคนฉลาด
27. เป็นคนสนุกสนาน
28. เป็นคนสร้างสรรค์
29. เป็นคนอ่อนโยน
30. เป็นคนเข้มแข็ง แข็งแรง
31. เป็นคนเข้าใจโลก
32. เป็นคนที่มีความอดทน
33. เป็นคนรอบคอบ
34. เป็นคนทะเยอทะยาน
35. เป็นคนมีความสามารถ
36. เป็นคนเก่ง
37. เป็นคนมุ่งมั่น
38. เป็นคนจริง
39. เป็นคนที่เชื่อถือได้
40. เป็นคนกระตือรือร้น
41. เป็นคนเห็นใจคน

และต้องห้ามลืม

42. ให้ของขวัญอย่างสม่ำเสมอ
43. พาไป shopping
44. ซื่อสัตย์
45. พยายามรวย
46. ห้ามอยู่นอกสายตา
47. ห้ามมองผู้หญิงอื่น

และในเวลาเดียวกัน คุณต้อง


48.
ให้ความดูแลอย่างเต็มที่
49. ให้เวลาอย่างเต็มที่
50. ต้องไว้ใจและมีช่องว่างอย่ากังวลว่าจะไปไหน


และนีคือสิ่งสำคัญที่สุด


ห้ามลืมวันเกิด
ห้ามลืมวันครบรอบต่างๆ
ห้ามลืมนัด

ทำอย่างไรให้ผู้ชายมีความสุข


1. แก้ผ้า

ความรู้ที่อยากจะส่งต่อ

1.


กิน หวาน มากทำให้ผิวเหี่ยว จริงหรือ




เฉลย


จริง เพราะ เมื่อร่างกายมีน้ำตาล อยู่ ในกระแสเลือดมากเกินไป มันจะไปเกาะติดกับเส้นใยโปรตีนที่อยู่ระหว่างเซลล์ ผิว ทำ ให้เกิดภาวะผิวเครียดขึ้น และนำไปสู่อาการแก่ก่อนวัย ผิวหยาบกร้าน และ เหี่ยวย่น ในที่สุด

2.


การยืนเอาปลาย นิ้ว มือแตะปลายนิ้วเท้าจะทำให้ผิวหน้าดูสดใส จริงหรือ




เฉลย


จริง โดยการยืนเอาปลายนิ้วมือแตะ ปลาย นิ้วเท้า ก้มตัวต่ำๆค้างไว้นับ 1-30 แล้วค่อยๆ ยืนขึ้นจะทำให้โลหิต บริเวณหนังศีรษะ และใบหน้าหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลกระทบให้ผิวหน้าดูสดใส ขึ้น

3.


เอาน้ำแข็งถูหน้า ก่อนนอนจะทำให้หายมันได้ จริงหรือ




เฉลย


ไม่จริง แต่แก้ปัญหาหน้ามันได้โดยการ ใช้น้ำเมือกว่านหางจระเข้ทาหน้าให้ทั่วใบหน้า ทาแล้วไม่ต้องล้างออก น้ำเมือกจะ แห้งไปเองภายใน ๕ - ๑๐ นาที ทำก่อนนอน แค่นี่หน้าก็จะ หาย ขอย้ำ... เมือกจากว่านหางจระเข้เท่านั้น เมือกอย่างอื่นที่ทำเป็นประจำ ผิวหน้าอาจอักเสบ หรือ ติดโรคได้...

4.


การสวมเสื้อผ้า หนาๆ เพื่อให้เหงื่อออกเยอะๆ จะทำให้ผอมเร็วจริงหรือ




เฉลย


ไม่จริง การที่เหงื่อออกเยอะคือ ภาวะ ที่ ร่างกายโดนความร้อนแล้วระบายความร้อนออกมา ไม่ใช่การเผาผลาญไขมันออกมา เพราะ ฉะนั้นพอเราดื่มน้ำเข้าไป น้ำหนักก็จะเท่า เดิม

5.


คนผิวแห้งมีโอกาส เกิดริ้วรอยกว่าคนผิวมัน จริงหรือ




เฉลย


จริง เพราะคนผิวแห้งขาด ซีบัม หรือ สารไขมัน ทำให้กลไกลการปกป้องตนเองของผิวหนังทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะ ฉะนั้นคนผิวแห้งควรดูแล และทาครีมบำรุงเพื่อความชุ่มชื่นแก่ผิวพิเศษกว่าคนผิว มัน

6.


การฝึกกลั้นหายใจ สามารถชะลอหน้าแก่ก่อนวัยได้ จริงหรือ




เฉลย


จริง โดยการหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ จนสุดลม แล้วหายใจเข้าทางจมูกอย่างช้าๆ ให้เต็มปอด กลั้นไว้ระยะหนึ่ง แล้วจึง หายใจออกอย่างช้าๆ ทำแบบนี้วันละ 2 ครั้งๆ ละ 20 นาที จะช่วยชะลอผิวแก่ก่อนวัย และรอยคล้ำ ได้

7.


การ ร้องไห้ช่วยลดความอ้วนได้ จริงหรือ




เฉลย


ไม่จริง แต่การหัวเราะต่างหากที่ช่วย เผา ผลาญแคลอรีให้หมดไปได้ดีกว่าอยู่เฉยๆ ได้มากถึง 20% ซึ่งหากได้หัวเราะวัน ละสัก 10 -15 นาที จะช่วยเผาผลาญพลังงานลงได้มาก ถึง 50 แคลอรี

8.


กาวตราช้างใช้ รักษาส้นเท้าแตกได้ จริงหรือ




เฉลย


จริง เพราะ เมื่อปิดหนังที่แตกด้วย กาวตราช้าง สิ่งสกปรกจะเข้าไปในรอยแตกไม่ได้ ผิวจะไม่ ถูกรบกวน จึงมีการซ่อม แซม ตนเองขึ้นมา มีการสร้างเซลล์ใหม่ และผลัดเซลล์เก่าออก กาวช้างก็จะหลุดออก ไป แต่ ห้ามใช้กับคนที่แพ้กาวตราช้าง

9.


การ เต้น รำทำให้ผิวสวยได้ จริงหรือ




เฉลย


จริง เพราะ การเต้นรำเพียงวัน ละ 20 นาที ช่วยเผาผลาญแคลอรี กระตุ้นระบบการหายใจ และระบบหมุนเวียนโลหิต ทำ ให้เลือดลมเดินทั่วผิว ทำให้ผิวสวยมีสุขภาพ ดี

10.


การใส่ กระโปรงสั้นในห้องแอร์เป็นประจำทำให้ขาใหญ่ได้ จริง หรือ




เฉลย


จริง เพราะ ช่วงขาส่วนที่อยู่ นอกกระโปรงจะเกิดการสะสมไขมันเป็นพิเศษ เพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศ โดยเฉพาะ เมื่อ ผิวหนังเจอความหนาวเย็น ทำให้เกิดเซลลูไลท์= A



ชุดคำถาม ที่ 3 หมวด รู้ไว้ใช่ว่า





1.


การแลบลิ้นให้น้ำลาย ยืดลงพื้น 3 หยด จะแก้เผ็ดได้ จริงหรือ




เฉลย


จริง อาการเผ็ดเกิดจากสารที่ชื่อ แค ปไซซิน ที่อยู่ในพริกเข้าไปจับกับปลายประสาทรับรถที่ลิ้น ร่างกายจะก็จะแสดงปฎิ กริยาโดบขับน้ำลายออกมาชะล้างเอาเจ้าสารนี้ออกไป

2.


ดูดนมยางของเด็กทารก ตอนนอนจะแก้อาการนอนกรนได้ จริงหรือ




เฉลย


จริง การคาบหรืออมนายางของเด็กทารก ไว้ในปากจะทำให้ลิ้นในปากอยู่นิ่ง ก็จะพลอยให้เนื้อเยื่อของเพดานไม่กระเทือน สั่นไหวขึ้นจึงไม่เกิดอาการกรน และไม่นอนอ้าปากอีก ด้วย

3.


การสูดกลิ่นตัว ผู้ชาย ทำให้หายเครียดได้ จริงหรือ




เฉลย


จริง เพราะกลิ่นตัวผู้ชายที่เป็นคน รักนั้นมีสาร ฟีโรโมน ผสมอยู่โดยเฉพาะในผมและผิวของเขา เมื่อสูดดมแล้วจะช่วยลด อาการเครียดและเหนื่อยล้าลงได้

4.


แอปเปิ้ลผลิตกระแส ไฟฟ้าได้ จริงหรือ




เฉลย


จริง ถ้าเสียบแผ่นสังกะสี และแผ่น ทอง แดง กรดในแอปเปิ้ลจะทำให้เกิดการแตกตัวของไอออน ทำให้ลูกแอปเปิ้ลเป็น เหมือน แบตเตอรี่ ซึ่งผลไม้ชนิดอื่นเช่น มะนาว เกรป ฟรุ๊ต หรือมันฝรั่ง ก็ทำได้ เช่น กัน

5.


ปัสสาวะ มนุษย์ใช้ทำยาสีฟันในสมัยโบราณ จริงหรือ




เฉลย


จริง โดยแพทย์ชาวโรมันเชื่อว่า ปัสสาวะมนุษย์ มีคุณสมบัติทำให้ฟันขาว และแข็งแรง ยาสีฟันในยุคดังกล่าว จึง เป็น น้ำยาบ้วนปากที่ทำจากปัสสาวะมนุษย์

6.


วัวกระทิงเกลียดสี แดง จริงหรือ




เฉลย


ไม่จริง เพราะ วัวเป็นสัตว์ตาบอดสี ไม่ สามารถแยกแยะสีต่างๆ ได้ แต่การที่วัวเมื่อถูกล่อด้วยผ้าแดงเหมือนในสนามสู้วัว แล้วก็พุ่งเข้าใส่นั้น เป็นเพราะความรำคาญ และเพราะถูกยั่วยุ มากกว่า

7.


เพชรแท้จะ ไม่ติดสีหมึก จริงหรือ




เฉลย


จริง การทดสอบดูเพชรแท้นั้น ให้ป้าย น้ำหมึกสีดำไปบนเพชร ถ้ามีความลื่นออก ไม่ติดอยู่บนเพชร แสดงว่าเป็นเพชรแท้ แต่ ถ้ายังมีจุดดำตรงที่แต้มอยู่ ก็แสดงว่าเป็นเพชร เทียม

8.


การทะเลาะ กันทำให้แผลหายช้า จริงหรือ




เฉลย


จริง เพราะ ความเครียดที่เกิดขึ้น ทั้งระหว่าง และหลังจากการทะเลาะกัน จะส่งผลให้ร่างกายลดการผลิตโปรตีนเม็ด เลือด ที่มีประโยชน์ต่อการรักษาบาดแผล หรือส่วนที่สึกหรอในร่างกายให้น้อยลง ทำ ให้บาดแผลต่างๆ หายช้า

9.


แสงแดด อ่อนๆ ช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้ จริงหรือ




เฉลย


จริง เพราะ แสงแดดอ่อนๆ จะช่วยลดการ สร้างฮอร์โมนเมลาโตนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ถ้าหากเก็บตัวอยู่ แต่ในที่มืดจะทำให้ฮอร์โมนตัวนี้สูงขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดการง่วง เหงา ซึม เซา ได้

10.


การฟัง เพลง ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อได้ จริงหรือ




เฉลย


จริง เพราะ การฟังเพลงทำให้สมอง หลั่ง สารเอนดอร์ฟินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสร้างความสุขออกมา ช่วยลดความดันโลหิต และ บรรเทาอาการปวดข้อลงได้




ชุดคำถาม ที่ 2 หมวด กินเพื่อสุขภาพ





1.


กินน้ำมะนาวปั่น สามารถแก้อาการเมาค้างได้ จริงหรือ




เฉลย


ไม่จริง แต่แก้อาการเมาค้างได้โดยการ ดื่มน้ำกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง เพราะกล้วยจะทำให้กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำ ผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไป ในขณะที่นมก็ช่วย ปรับระดับ??องเหลวในร่างกายของเรา ทำให้อาการเมาหายไป ได้

2.


เมื่อ เป็นไข้ไม่ควรกินฝรั่ง จริงหรือ




เฉลย


จริง เพราะในฝรั่งมีแร่โพแทสเซียม สูง เมื่อเวลาเป็นไข้ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น การกินอาหารที่มีโพแทสเซียม สูง จะส่งผลให้เกิดอาการชักได้

3.


มัน ฝรั่งช่วยลดความดันโลหิตให้ต่ำลงได้ จริงหรือ




เฉลย


จริง เพราะในมันฝรั่งมีสารเคมีที่ เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ชื่อว่า คูคัวไมน์ส มีสรรพคุณในการควบคุมความดันโลหิต ให้ ต่ำลง และมันยังรักษาโรคที่ลึกลับที่เรียกว่า โรคนอนหลับ ได้อีก ด้วย

4.


ดื่มนม ร้อนก่อนนอนจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ จริง หรือ




เฉลย


ไม่จริง แต่การดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับสบาย ยิ่งขึ้น เพราะนมร้อนจะส่งเสริมให้สมองหลั่งสาร

5.


การเคี้ยวหมาก ฝรั่งช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชายได้ จริงหรือ




เฉลย


ไม่จริง แต่การเคี่ยวหมากฝรั่งช่วยให้ คน ไข้ผ่าตัดลำไส้ใหญ่หายเร็วขึ้น เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งหลังการผ่าตัด เป็น การ บริหารให้ลำไส้กลับมาทำงานตามปกติได้เร็วขึ้น คนไข้จะไม่เกิดอาการลำไส้อืด ซึ่ง ทำให้ปวดท้อง และท้องอืด หลังจากที่ต้องหยุดทำงานไปพัก หนึ่ง

6.


การกินเนยก่อนนอน ทำให้นอนหลับสนิทขึ้น จริงหรือ




เฉลย


จริง เพราะในเนยมี กรดอมิโน ที่มี ชื่อ ว่า ทริปโตพัน ซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และสะกดให้หลับ ได้ สนิทดีขึ้น

7.


กินส้ม ช่วยแก้อาการเซ็งได้ จริงหรือ




เฉลย


จริง การรับประทานส้มโดยปอกเปลือก เอง จะมีกลิ่นส้มที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และวิตามินซีที่ร่างกายได้รับในจำนวน ที่ เพียงพอ ช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คลายความเครียดลงได้ดีออกมา ด้วย

8.


การกินช็อคโกแล๊ต ช่วยแก้ไอได้ จริงหรือ




เฉลย


จริง เพราะ โกโก้ที่ใช้ทำช็อคโกแล๊ต มีสารที่ชื่อว่า ธีโอโบรไมน์ จะไปออกฤทธิ์ที่เส้นประสาทชื่อ เวกัสเนอร์ฟ ที่ทำ หน้าที่เกี่ยวกับการไอ ทำให้สามารถหยุดอาการไอเรื้อรังอย่างได้ ผล

9.


การกิน บ๊วยช่วยเพิ่มกำลังได้ จริงหรือ




เฉลย


จริง เพราะ การที่คนเรามีอาการ เหนื่อย อ่อนเพลีย เพราะกรดในเลือดสูง ร่างกายไม่สามารถปรับดุลความเป็นด่างได้ ทัน แต่บ๊วยมีความเป็นด่าง Ph 7.35 ใกล้เคียงกับเลือดคนเรา จึง ช่วย ถ่วงดุลความเป็นด่างได้ และยังมีโปรตีน เกลือแร่ และสารอาหารจำเป็นอยู่มาก อีก ด้วย

10.


การกิน อาหารมื้อเช้าช่วยป้องกันความจำเสื่อมได้ จริง หรือ




เฉลย


จริง เพราะ เลือดตอนเช้าจะแข็งตัว ง่ายกว่าปกติ จึงมีโอกาสที่หลอดเลือดอุดตันมากขึ้น สารอาหาร ไปเลี้ยงสมองได้ น้อยลง สมองจึงค่อยๆ เสื่อม

วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552

10วิธีฆ่าเมีย...

1. มันอยากกินอะไรซื้อให้มันกิน จนมันคาเรสโตรอลสูง ไขมันอุดตันในเส้นเลือดเดี๋ยวไม่เกิน 50 ปีมัน ก็ตาย
2.
มันอยากได้เครื่องเพชรก็ซื้อให้มัน พอแสงเพชรมันสะท้อนเข้าตามันมากๆเข้า เดี๋ยวตามันก็จะบอด พอมันตาบอดแล้วเราก็เอามันไปทิ้งที่ไหนก็ได้ มันหาทางกลับบ้านไม่ถูกแล้ว
3.
มันชอบรถก็ซื้อให้มัน ยิ่งแพงๆยิ่งดี เครื่องมันแรงดี มันจะได้ขับเร็วๆ >> ความเสี่ยงสูง
4.
มันอยากไปเที่ยวไหนก็พามันไป ต้องมีซักที่แหล่ะที่มันพลาดเดินล้มหัวฟาดพื้นตายได้
5.
งานบ้านอย่าไปให้มันทำ เราต้องแย่งมันทำให้หมด ไม่เปิดโอกาสให้มันได้ออกกำลังกาย เดี๋ยวมันก็ ไม่แข็งแรง แล้วมันก็ตายเอง
6.
ต้องพาเมียไปหาหมอบ่อยๆ ดูดิคนไม่ค่อยไปหาหมอไม่ค่อยเป็นไรหรอกคนที่ไปหาหมอบ่อย เดี๋ยวๆก็ ตายแล้ว
7.
เงินเดือนออกมาเท่าไหร่ให้มันไปให้หมด ใครๆก็รู้ว่าเงินน่ะเป็นที่สะสมเชื้อโรคสารพัด เราแกล้งเอาเชื้อโรคให้มันเก็บไว้เดี๋ยวมันก็เป็นโรคตาย เราเองไม่ต้องเก็บเชื้อโรคไว้ สุขภาพ แข็งแรง..เย้
8.
ปลูกบ้านหลังใหญ่ๆให้มันอยู่ กว้างๆยิ่งดี เวลาจะเดินจากห้องนั้นไปห้องนี้ทีมันจะได้เหนื่อย เผลอๆ อาจหอบตายระหว่างทางได้
9.
เช้า-เย็นกราบมันทุกวัน มันจะได้อายุสั้น
10.
รักเมียให้มากๆ ไม่เคยได้ยินเหรอ ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ พอมันทุกข์มากๆมันก็ตรอมใจตายเอง

Invite your mail contacts to join your friends list with Windows Live Spaces. It's easy! Try it!

สุดยอดแห่งเด็กไทย (เรื่องเก่าเล่าใหม่)




จดหมายถึงลูกจาก บารัค โอบามา

บารัค โอบามา เขียนจดหมายถึงลูกสาวทั้งสองในสัปดาห์ที่ผ่านมา (จัดพิมพ์เมื่อ 14 มกราคม 2552 โดย Parade Magazine) คุณพ่อบารัค เกริ่นนำว่าเวลาที่ทั้งครอบครัวใช้ร่วมกันในระหว่างการรณรงค์หาเสียงสองปี ที่ผ่านมา ไม่อาจทดแทนเวลาที่จากกันในช่วงเวลาเดียวกัน เลยอยากบอกเล่าถึงสาเหตุที่เขาตัดสินใจลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ทำให้ทั้งครอบครัวต้องเข้าสู่เส้นทางเดินนี้

บารัคว่าไว้เมื่อเขายังหนุ่ม ก็คิดถึงแต่ตัวเอง ทำยังไงที่จะปูทางชีวิตในโลกเพื่อประสบความสำเร็จและได้ในสิ่งที่หวัง แต่เมื่อมีลูกสาวทั้งสองที่มาพร้อมกับความสนใจอยากรู้ ความซุกซนและเรื่องก่อกวน และรอยยิ้มที่ไม่เคยที่จะไม่เติมเต็มความสุขในหัวใจของพ่อ เรื่องที่พ่อเคยคิดว่าสำคัญก็ไม่ใช่อีกต่อไป พ่อเริ่มค้นพบว่าความสุขที่สุดของพ่อก็คือเมื่อพ่อเห็นความสุขของลูกๆ และเรื่องต่างๆในชีวิตพ่อก็ไม่สำคัญอีกต่อไป นอกจากจะสามารถวางใจได้ว่าลูกๆมีโอกาสทุกครั้งที่จะมีความสุขและโอกาสในการ เติมเต็มชีวิตของลูกๆ นั่นก็คือคำตอบที่ว่า ทำไมพ่อถึงลงชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีเพื่อสิ่งที่พ่อหวังให้ลูกและกับเด็ก ทุกคนในประเทศนี้

พ่ออยากจะให้เด็กทุกคนมีโอกาสไปโรงเรียนที่สมกับศักยภาพของแต่ละคน โรงเรียนที่ท้าทายเด็ก บันดาลใจเด็ก และซึมซับความรู้สึกพิศวงต่อโลกรอบตัวเด็ก พ่ออยากให้เด็กๆมีโอกาสในการเรียนต่อมหาวิทยาลัย ถึงแม้พ่อแม่ผู้ปกครองจะไม่ใช่เป็นคนมีฐานะ พ่ออยากให้เด็กเหล่านั้นมีงานดีๆทำ งานที่สร้างผลตอบแทนที่ดี งานที่มีสวัสดิการอย่างประกันสุขภาพ งานที่ยังให้เขามีโอกาสใช้เวลากับลูกได้ และสามารถให้เขาเกษียณอย่างภูมิใจ



Dear Malia and Sasha,

I know that you’ve both had a lot of fun these last two years on the campaign trail, going to picnics and parades and state fairs, eating all sorts of junk food your mother and I probably shouldn’t have let you have. But I also know that it hasn’t always been easy for you and Mom, and that as excited as you both are about that new puppy, it doesn’t make up for all the time we’ve been apart. I know how much I’ve missed these past two years, and today I want to tell you a little more about why I decided to take our family on this journey.

When I was a young man, I thought life was all about me—about how I’d make my way in the world, become successful, and get the things I want. But then the two of you came into my world with all your curiosity and mischief and those smiles that never fail to fill my heart and light up my day. And suddenly, all my big plans for myself didn’t seem so important anymore. I soon found that the greatest joy in my life was the joy I saw in yours. And I realized that my own life wouldn’t count for much unless I was able to ensure that you had every opportunity for happiness and fulfillment in yours. In the end, girls, that’s why I ran for President: because of what I want for you and for every child in this nation.

I want all our children to go to schools worthy of their potential—schools that challenge them, inspire them, and instill in them a sense of wonder about the world around them. I want them to have the chance to go to college—even if their parents aren’t rich. And I want them to get good jobs: jobs that pay well and give them benefits like health care, jobs that let them spend time with their own kids and retire with dignity.

I want us to push the boundaries of discovery so that you’ll live to see new technologies and inventions that improve our lives and make our planet cleaner and safer. And I want us to push our own human boundaries to reach beyond the divides of race and region, gender and religion that keep us from seeing the best in each other.

Sometimes we have to send our young men and women into war and other dangerous situations to protect our country—but when we do, I want to make sure that it is only for a very good reason, that we try our best to settle our differences with others peacefully, and that we do everything possible to keep our servicemen and women safe. And I want every child to understand that the blessings these brave Americans fight for are not free—that with the great privilege of being a citizen of this nation comes great responsibility.

That was the lesson your grandmother tried to teach me when I was your age, reading me the opening lines of the Declaration of Independence and telling me about the men and women who marched for equality because they believed those words put to paper two centuries ago should mean something.

She helped me understand that America is great not because it is perfect but because it can always be made better—and that the unfinished work of perfecting our union falls to each of us. It’s a charge we pass on to our children, coming closer with each new generation to what we know America should be.

I hope both of you will take up that work, righting the wrongs that you see and working to give others the chances you’ve had. Not just because you have an obligation to give something back to this country that has given our family so much—although you do have that obligation. But because you have an obligation to yourself. Because it is only when you hitch your wagon to something larger than yourself that you will realize your true potential.

Love, Dad

อ่านจนจบแล้วทำให้ผมคิดถึงบทความของอ.ป๋วย เรื่อง คุณภาพแห่งชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง จากครรภ์มารดาสู่เชิงตะกอน ว่าไปแล้วกี่สิบปีที่ผ่านมา ชีวิตของคนเราทั้งบ้านเราบ้านอื่นต่างก็ต้องการสิ่งที่ใกล้เคียงกัน เป็นความต้องการร่วมของคุณภาพชีวิตของคนทั้งโลกจริงๆ

คุณภาพแห่งชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง จากครรภ์มารดาสู่เชิงตะกอน

เมื่อผมอยู่ในครรภ์ของแม่

ผมต้องการให้แม่ได้รับประทานอาหารที่เป็นคุณประโยชน์

และได้รับความเอาใจใส่ และบริการอันดีในเรื่องสวัสดิภาพของแม่และเด็ก

ผมไม่ต้องการมีพี่น้องมากอย่างที่พ่อแม่ผมมีอยู่ และแม่จะต้องไม่มีลูกถี่นัก

พ่อกับแม่จะแต่งงานกันถูกฎหมาย หรือธรรมเนียมประเพณีหรือไม่ ไม่สำคัญ

แต่สำคัญที่ พ่อกับแม่ต้องอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข ทำความอบอุ่นให้ผมและพี่น้อง

ในระหว่าง 2-3 ขวบแรกของผม ซึ่งร่างกายและสมองผมกำลังเติบโตในระยะที่สำคัญ

ผมต้องการให้แม่ผมกับตัวผม ได้รับประทานอาหารที่เป็นคุณประโยชน์

ผมต้องการไปโรงเรียน

พี่สาวหรือน้องสาวผมก็ต้องการไปโรงเรียน

จะได้มีความรู้หากินได้ และจะได้รู้คุณธรรมแห่งชีวิต

ถ้าผมมีสติปัญญาเรียนชั้นสูงๆ ขึ้นไป

ก็ให้มีโอกาสเรียนได้ ไม่ว่าพ่อแม่ผมจะรวยหรือจน

จะอยู่ในเมืองหรือชนบทแร้นแค้น

เมื่อออกจากโรงเรียนแล้ว

ผมต้องการงานอาชีพที่มีความหมาย

ทำให้ได้รับความพอใจว่า ตนได้ทำงานเป็นประโยชน์แก่สังคม

บ้านเมืองที่ผมอาศัยอยู่จะต้องมีขื่อ มีแป

ไม่มีการข่มขู่ กดขี่ หรือประทุษร้ายกัน

ประเทศของผมควรจะมีความสัมพันธ์อันชอบธรรม และเป็นประโยชน์กับโลกภายนอก

ผมจะได้มีโอกาสเรียนรู้ถึงความคิด และวิชาของมนุษย์ทั้งโลก

และประเทศของผมจะได้มีโอกาส รับเงินทุนจากต่างประเทศ

มาใช้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม

ผมต้องการให้ชาติของผมได้ขายผลิตผลแก่ต่างประเทศด้วยราคาอันเป็นธรรม

ในฐานะที่ผมเป็นชาวไร่ชาวนา

ผมก็อยากมีที่ดินของผมพอสมควรสำหรับทำมาหากิน มีช่องทางได้กู้ยืมเงินมาขยายงาน

มีโอกาสรู้วิธีการทำกินแบบใหม่ๆ มีตลาดดี และขายสินค้าได้ราคายุติธรรม

ในฐานะที่ผมเป็นกรรมกร ผมก็ควรจะมีหุ้นมีส่วนในโรงงาน บริษัท ห้างร้านที่ผมทำอยู่

ในฐานะที่ผมเป็นมนุษย์ ผมก็ต้องการอ่านหนังสือพิมพ์ และหนังสืออื่นๆ ที่ไม่แพงนัก

จะฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ ก็ได้โดยไม่ต้องทนรบกวนจากการโฆษณามากนัก

ผมต้องการสุขภาพอนามัยอันดี และรัฐบาลจะต้องให้บริการป้องกันโรคแก่ผมฟรี

กับบริการการแพทย์ รักษาพยาบาลอย่างถูกอย่างดี

เจ็บป่วยเมื่อใดหาหมอพยาบาลได้สะดวก

ผมจำเป็นต้องมีเวลาว่างสำหรับเพลิดเพลินกับครอบครัว

มีสวนสาธารณะที่เขียวชะอุ่ม

สามารถมีบทบาท และชมศิลปะ วรรณคดี นาฏศิลป์ ดนตรี วัฒนธรรมต่างๆ

เที่ยวงานวันงานลอยกระทง งานนักขัตฤกษ์ งานกุศลอะไรก็ได้พอสมควร

ผมต้องการอากาศบริสุทธิ์สำหรับหายใจ น้ำดื่มบริสุทธิ์สำหรับดื่ม

เรื่องอะไรที่ผมเองไม่ได้ หรือได้แต่ของไม่ดี

ผมก็จะขอความร่วมมือกับเพื่อนฝูงในรูปสหกรณ์ หรือ สโมสร หรือสหภาพ

จะได้ช่วยซึ่งกันและกัน

เรื่องที่ผมจะเรียกร้องข้างต้นนี้ ผมไม่เรียกร้องเปล่า

ผมยินดีเสียภาษีอากรให้ส่วนรวมตามอัตภาพ

ผมต้องการโอกาสที่มีส่วนในสังคมรอบตัวผม

ต้องการมีส่วนในการวินิจฉัยโชคชะตาทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของชาติ

เมียผมก็ต้องการโอกาสต่างๆ เช่นเดียวกับผม

และเราสองคนควรจะได้รับความรู้และวิธีการวางแผนครอบครัว

เมื่อแก่ ผมและเมียก็ควรได้ประโยชน์ตอบแทนจากการประกันสังคม

ซึ่งผมได้จ่ายบำรุงตลอดมา

เมื่อจะตาย ก็ขออย่าให้ตายอย่างโง่ๆ อย่างบ้าๆ

คือตายในสงครามที่คนอื่นก่อให้เกิดขึ้น ตายในสงครามกลางเมือง

ตายเพราะอุบัติเหตุรถยนต์ ตายเพราะน้ำหรืออากาศเป็นพิษ

หรือตายเพราะการเมืองเป็นพิษ

เมื่อตายแล้ว ยังมีทรัพย์สมบัติเหลืออยู่ เก็บไว้ให้เมียผมพอใจในชีวิตของเธอ

ถ้าลูกยังเล็กอยู่ก็เก็บไว้ เลี้ยงให้โต

แต่ลูกที่โตแล้วไม่ให้ นอกนั้นรัฐบาลควรเก็บไปหมด

จะได้ใช้เป็นประโยชน์ในการบำรุงชีวิตของคนอื่นๆ บ้าง

ตายแล้ว เผาผมเถิด อย่าฝัง

คนอื่นจะได้มีที่ดินอาศัยและทำกิน

และอย่าทำพิธีรีตอง ในงานศพให้วุ่นวายไป

นี่แหละคือความหมายของชีวิต

นี่แหละคือการพัฒนาที่จะควรให้เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ของทุกคน

สุดท้ายนี้ ขอขอบพระคุณท่านทั้งหลายที่อุตส่าห์อ่านมาจนจบ ขอความสุขสวัสดีและสันติสุข จงเป็นของท่านทั้งหลาย และพระท่านกล่าวไว้ดังนี้เกี่ยวกับความสวัสดี

“เราตถาคตไม่เห็นความสวัสดีอื่นใดของสัตว์ทั้งหลาย นอกจากปัญญา เรื่องตรัสรู้ ความเพียร ความสำเร็จอินทรีย์ และความเสียสละ”

วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552

กูรู้ .. (ฉบับแคะสนิม)

๏ ทุกแง่มุมลึกเร้น ................. กูรู้ ดีเวย

กี่หมื่นหมากเกมกระดาน ........ กูก็รู้

กูนั่งดูเฉยเฉย ..................... ก็กูรู้ แล้วนา นี่นา

ชาติฉิบหายคุดคู้ ................. กูไม่รู้ กูไม่เห็น


เขียนแซวคุณพี่ ผู้รอบรู้วว .. ฮิฮิ

ห้ามโกรธกันเชียว


หลังจากไม่ได้เขียนโคลงมานานมาก บทข้างบนก็เขียนไปตามน้ำเสียงโคลง ..

เจตนาสะกิดเกาบางท่านที่นับถือ ว่าการรู้ตื้นลึกหนาบาง มันไม่สำคัญ เท่าการลงมือทำ (หรือไม่ทำ) อะไร ..

ด้วยปริมาณสนิมโคลง แม้เสียงจะกล้อมแกล้มบ้าง แต่ทว่าผิดฉันทลักษณ์ ระเบิดระเบ้อ

บล็อกนี้ก็เลยจะขอพูดเรื่องการโคลง ซะคงดี

เหตุที่ต้องเขียนหัวว่า (ฉัน ทะ ลัก คล้าย โคลง) เพราะโคลงบทนี้ไม่เข้าระเบียบผังโคลงใดทั้งสิ้น

จะมั่วตั้งผังเอง ก็พอจะทะลึ่งเรียกได้เป็น โคลงสองปูบ้า

ที่เรียกโคลงสอง เพราะลักษณะผัง ๑บท มี๒บาท

ไม่มีสัมผัสใน แต่มีสัมผัสระหว่างบท โยนกันไปเรื่อยๆ

เคร่งเรื่องพยางค์โคลง (เล่นกับลูกเก็บ), โทคู่ โทแยก, ตำแหน่งสามัญ .. แต่ไม่เคร่งเอก

ผังหยาบๆ ก็เป็นเช่นนี้


o o o o o ....... o x ( o o )

o o o o o ....... o y ( o o )

o o o o x ....... o o ( o o )

o o o o y ....... o o ( o o )

ดัชนีแอสไพริน

อ่านหนังสือพิมพ์ไทยฉบับหนึ่ง
เลยได้ความรู้ใหม่เรื่อง ดัชนีตัววัดอย่างไม่เป็นทางการ
อาศัยพฤติกรรมของมนุษย์ด้วยกันเอง
สนุกดี เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง

นอกเหนือจาก ดัชนีมาม่าแบบบ้านเราแล้ว
ฝรั่งเขาก็มีดัชนีตัววัดความประหยัดและฝืดเคือง
ด้วยสิ่งของหลายๆอย่าง

ดัชนีกางเกงใน
ในยุคฝืดเคือง เงินทองไม่ตกเรี่ยราด
ชุดชั้นในไม่ใช่สิ่งที่ต้องซื้อมาอวดใครอีกแล้ว
นอกจากคนกันเอง(ซึ่งยิ่งไม่ต้องอวด)
ชุดชั้นในชายน่ะเหรอยิ่งเก่า ยิ่งเยิน ยิ่งเท่ ยิ่งแมน
ถ้าไม่โดนน้องกลากเกลื้อนไต่ถามหา

ดัชนีกระโปรงสั้น
จากการสำรวจและวิจัยของดีไซน์เนอร์เสื้อผ้า
ยุคไหนสาวๆกระโปรงสั้นขึ้นๆ บอกถึงความมั่นใจสุดๆ
ยุคไหนสาวๆกระโปรงยาวลงๆ บอกถึงความห่วงใย กังวล
(หรือว่า ยาวแล้วประหยัด เผื่อตัดได้กระมัง)
อันนี้แปลกดี

ดัชนีลิปสติก
อันนี้ยิ่งแปลก ลิปสติกขายดีกว่าเดิมในยุคเงินทองร่อยหรอ
นักจิตวิทยาเพียรหาเหตุผล อนุมานว่า
ผู้หญิงอย่างไรซะก็ต้องการดูดีและทำตัวให้เฉิดฉาย
เพื่อลดอารมณ์หดหู่ (Mood Enhancer)
ลิปสติกสีสดใสจึงกลายเป็นตัวทำเงินให้กับแบรนด์เครื่องสำอาง
ในยามฝนฟ้า อากาศ เมฆหมอกคลุมเครือ

ดัชนีแอสไพริน
เมื่อเงินทองเดินจาก อะไร อะไรก็ชวนน่าปวดขมอง
อย่ากระนั้นเลย กินแอสไพรินหรือยาแก้ปวดดีกว่า
เป็นการระงับความปวดด้วย และป้องกันด้วย
ไม่ต้องไปหามดหาหมอ(ไม่มีตังค์)
เพราะฉะนั้น ไม่แปลกใจ ยาแก้ปวดหัวประเภทเดียวกัน จะขายดีขึ้นมาก

กูรูขอเพิ่มบ้าง ดัชนีไส้อั่ว
วันไหนไปช้อปปิ้งตามศูนย์ประชุม
ถ้าอยากรู้ว่าจะขอต่อรองสินค้าข้าวของได้หรือเปล่า
ก็ต้องรู้ต้นทุนของการเช่าพื้นที่

ว่าแล้วก็ต้องเดินไปบริเวณซุ้มขายอาหาร ซึ่งมักมีอยู่ทุกงาน
ไปที่ซุ้มน้ำพริกหนุ่ม แหนม ไส้อั่ว
ถ้ามีไส้อั่วหั่นเป็นชิ้นๆให้ชิม
แสดงว่า ค่าเช่าบู้ท แม่ค้ายังพอรับไหว
ถึงพอเจียดกำไรเอาไส้อั่วราคาแพงมาให้ชิมได้

ถ้ามีแต่แคบหมูจิ้มน้ำพริกหนุ่ม ให้ชิมล่ะก้อ
แพงหูฉี่แน่ๆ ข้าวของในงานจะต่อรองได้ยากมาก
เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็จงเดินกลับบ้านเสีย

5 สุดยอดธุรกิจของไทย

สุดยอดธุรกิจของสหรัฐฯ มักเป็นพวกธุรกิจที่สร้างนวัตกรรมอย่างเช่น กูเกิ้ล ไมโครซอฟต์ จีอี ฯลฯ มาลองดูกันนะครับว่าสุดยอดธุรกิจของบ้านเราเป็นธุรกิจจำพวกไหนบ้าง

1. ขายเทปผีซีดีเถื่อน ธุรกิจนี้วิเคราะห์ Porter Five Forces แล้วโดดเด่นเพราะมี Barrier to Entry ได้แก่ “อิทธิพล” ของเจ้าของเครื่องปั้มแผ่น (โดยมากต้องเป็นนักการเมือง อย่างที่เคยเป็นข่าวมาแล้ว) ดังนั้นไม่ใช่ใครก็ทำได้เดี๋ยวโดนจับ ทำให้เกิด Competitive Advantage ครับ ต้นทุนห้าบาท ขายแผ่นละ 100

2. ขายของหาบเร่แผงลอย ธุรกิจนี้มี cost advantage สูงมาก เพราะยึดพื้นที่สาธารณะมาเป็นสถานประกอบการโดยไม่มีต้นทุน ร้านตึกแถวสู้ไม่ ได้ ผู้ว่ากทม.ที่เคยคิดสร้างตึกให้หาบเร่เข้าไปขายฟรีเพื่อคืนทางเท้าให้ หลวงมีอันต้องพับแผนไปเพราะทางเท้าเป็นทำเลที่ดีกว่าตึกเพราะอยู่ใกล้ผู้ ซื้อมากกว่า แถมยังไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วยเลยไม่รู้จะย้ายไปทำไมให้โง่ ธุรกิจนี้จะแย่หน่อยก็ตรงที่มีคนมาเก็บส่วย ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นมาในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังดีกว่าร้านตึกแถวอยู่มาก

3.เป็นหมอดู ธุรกิจหาบเร่ว่าต้นทุนต่ำแล้ว ธุรกิจนี้ต้นทุนต่ำยิ่งกว่า เพราะไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ใช้แค่น้ำลายอย่างเดียว (Return on invested capital เท่ากับอินฟินิตี้) ถ้าจะให้รุ่งที่สุดต้องหาทางได้ออกทีวีให้ได้ ธุรกิจอย่างอื่นมีความเสี่ยงตรงที่ถ้ากำไรดีมากๆ รัฐฯอาจจะเข้ามาจัดระเบียบทำให้กำไรลดลง แต่อาชีพนี้ไม่ต้องกลัว รัฐฯ เข้ามาจัดระเบียบอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น จะเอาดาราคนไหนมาด่าเสียๆ หายๆ ก็ได้ เพราะถือว่าหมอดูเป็นความเชื่อส่วนบุคคล รัฐฯไม่เชื่อก็อย่ามาลบหลู่ ขัดเสรีภาพพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ

4.รับเหมาก่อสร้างให้อบต. ธุรกิจนี้มีรายได้แน่นอน แค่เป็นคนกว้างขวางในตำบล ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นอบต. แล้วก็เอาบริษัทรับเหมาก่อสร้างของตัวเองเข้ารับงานเพื่อไซฟ่อนเงินงบประมาณ ออกไป รับเหมากับราชการแบบนี้มาร์จิ้นสูงเพราะไม่ต้องแข่งราคากับคู่แข่งอย่างดุ เดือดเหมือนกับbid ของลูกค้าเอกชน ผู้รับเหมารายอื่นๆ ที่เข้ามาแข่งด้วยแบบซื่อๆ ไม่รู้ตัวหรอกว่าเสนอไปก็ไม่มีวันได้งาน งานนี้เขาล๊อคสเปคไว้หมดแล้ว ได้ยินมาว่าบางตำบลสร้างของเดิมแล้วทุบทิ้งสร้างใหม่ทุกปี เพราะนานเข้าก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะหาเรื่องสร้างอะไรอีกดี

5.เป็นมัคทายก อันนี้เด็ดกว่าทั้งข้อ 3 และข้อ 4 เพราะเป็นทั้งธุรกิจเกี่ยวกับความเชื่อและเป็นการรับเหมาก่อสร้างในตัวเดียว กัน ยิงนกทีเดียวได้สองตัว มัคทายกที่ดีจะต้องเป็นแบบ Turn-key solution คือหลวงพ่อไม่ต้องทำอะไรเลย อนุญาตให้ใช้แบรนด์หลวงพี่อย่างเดียวก็พอ มัคทายกจัดการที่เหลือให้หมดทุกอย่างจะจัดงานวัด งานทอดผ้าป่า งานฝังลูกนิมิต สร้างกุฏิหลังใหม่ รับรองแสงสีเสียงดนตรีตระการตา จบงานแล้วก็ เหอๆ วัดครึ่งหนึ่ง กรรมการครึ่งหนึ่ง…

รู้จักประเทศไทยให้มากขึ้น

ประเทศไทยมีประชากร 65 ล้านคน

ในจำนวนนี้อยู่ในวัยทำงาน (อายุ 15-60ปี) ทั้งสิ้น 35 ล้านคน

ในจำนวน 35 ล้านคนเป็นแรงงานที่อยู่ในระบบ 14 ล้านคน (แรงงานนอกระบบ 60% อยู่ในภาคเกษตร)

ในจำนวนแรงงานที่อยู่ในระบบ 14 ล้านคน เป็นผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคม 9 ล้านคน

ในจำนวนผู้ประกันตน 9 ล้านคน มีผู้ที่มีเงินเดือนเกิน 15000 บาทต่อเดือน เพียง 9 แสนคน (ไม่ได้รับเช็คช่วยชาติ)

. . . .

ถ้าคนไทยที่ได้เงินเกิน 15,000 บาทต่อเดือนมีแค่ 9 แสนคน น่าจะประเมินได้ว่าประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศที่มีคนชั้นกลาเป็นสัด ส่วนที่น้อยมาก ผมไม่มีตัวเลขแบบเดียวกันของสหรัฐฯ แต่ถ้าจะใช้จำนวนผู้เสียภาษีเป็นตัวชี้วัด (คนเสียภาษีแสดงว่าต้องมีรายได้ระดับหนึ่ง) คนไทยมีผู้ที่ต้องเสียภาษี 6.6 ล้านคน คิดเป็น 10% ของทั้งประเทศ ในขณะที่สหรัฐฯ มีผู้เสียภาษี 138 ล้านคนหรือคิดเป็น 45% ของทั้งประเทศเลยทีเดียว

การมีชนชั้นกลางอยู่น้อยมากทำให้อุตสาหกรรมหลายอย่างพัฒนาได้ยากเหมือน กัน อย่างเช่น อุตสาหกรรมภาพยนตร์ บ้านเรามีคนเข้าโรงหนังแค่ 1 ล้านคนเท่านั้น ในขณะที่เกาหลีใต้มีประชากรน้อยกว่าเรามาก แต่มีคนเข้าโรงหนังมากกว่าเราหลายเท่า เพราะประชากรจำนวนมากของเกาหลีใต้เป็นคนชั้นกลาง แค่นี้เราก็สู้เขาได้ยาก แล้ว เพระตลาดภาพยนตร์มันเล็กเหลือเกิน

และนี่ก็ให้เข้าใจว่าทำไมธุรกิจที่ใหญ่โตในประเทศไทยจะต้องเป็นธุรกิจที่ เกี่ยวข้องกับคนรากหญ้า จะเห็นได้ว่า เศรษฐีอันดับต้นๆ ของไทยจะต้องมีอาชีพเกี่ยวกับคนรากหญ้า เช่น ขายเหล้า ขายเครื่องดื่มชูกำลัง และให้บริการมือถือ เป็นต้น ซื้อกันคนละไม่กี่สิบบาท แต่รวมกันหลายคนเข้าก็เป็นมูลค่าตลาดที่มากโขอยู่ ถ้าหากินกับคนชั้นกลางแม้กำลังซื้อจะสูง แต่จำนวนคนที่อาจจะน้อยกว่า 30-60 เท่า ทำให้มูลค่าตลาดเล็กกว่ากันเยอะ

เมื่อก่อนผมเคยสงสัยว่าทำไมทีวีบ้านเราจึงต้องมีตลกคาเฟ่แทรกอยู่ในทุกๆ รายการ ถามคนรอบข้างดูก็ไม่เห็นว่าจะชอบดูกันสักเท่าไร ตอนหลังถึงได้มาเข้าใจว่า ที่จริงแล้วเป็นเพราะเราเป็นคนส่วนน้อยนี่เอง นิสัยเสียอย่างหนึ่งของคนชั้นกลางของประเทศนี้คือ ชอบยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง เอาความเห็นของตนเองตนเองและพวกพ้องเป็นใหญ่ ทั้งที่เป็นแค่คนส่วนน้อยของประเทศ …

ไม่เอาดีกว่า วกเข้าเรื่องการเมืองจนได้ จบข่าว

ทนายเผย ไมเคิล แจ็คสัน กินยารักษาอาการบาดเจ็บจากการฝึกซ้อมคอนเสิร์ต ก่อนเสียชีวิตกระทันหัน

(26มิ.ย.) ไบรอัน ออกซ์แมน ทนายความและโฆษกของไมเคิล แจ็คสัน ราชาเพลงป็อปชื่อดัง เปิดเผยเมื่อวานว่า ก่อนการเสียชีวิตอย่างกระทันของแจ็คสันเมื่อ วานนี้ เขาได้รับประทานยาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นระหว่างการฝึกซ้อมเพื่อ เปิดคอนเสิร์ตที่กรุงลอนดอนของอังกฤษในเดือนหน้า นายออกซ์แมนยังบอกด้วยว่าเขาเป็นห่วงมานานแล้วเกี่ยวกับการที่แจ็คสันรับ ประทานหลายขนานตลอดการทำงานในอาชีพนักร้อง เพื่อรักษารูปร่างหน้าตา และได้เปรียบเทียบกรณีของแจ็คสันว่าอาจคล้ายกับกรณีของแอนนา นิโคล สมิธ นางแบบนิตยสารเพลย์บอย ที่เสียชีวิตเนื่องจากรับประทานยาเกินขนาด

นอกจากนี้ไมเคิล เลอวีน อดีตโฆษกส่วนตัวของเขา ได้ระบุในอีเมล์ว่า ขอสารภาพว่า เขาไม่รู้สึกแปลกใจกับข่าวการเสียชีวิตของแจ็คสัน เพราะแจ็คสันได้ ใช้ชีวิตที่ทำร้ายตัวเองมาตลอดหลายปี ความสามารถของเขาเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสงสัย แต่เขาก็อึดอัดมากกับการอยู่ในสายตาของคนทั่วโลกและคนธรรมดาคนหนึ่งไม่อาจทน รับความเครียดอย่างยาวนานได้

นอกจากนี้เจอร์เมน แจ็คสัน พี่ชายและโฆษกของครอบครัว บอกว่า แจ็คสันถูกส่งถึงศูนย์การแพทย์โรนัลด์ เรแกน ยูซีแอลเอ เมื่อเวลา 13.14 น.ตามเวลาท้องถิ่น และแพทย์ได้พยายามปั๊มหัวใจนานกว่าหนึ่งชั่วโมง แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตเขาไว้ได้ ซึ่งเบื้องต้นเชื่อว่าเขามีอาการหัวใจวาย ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดยังไม่อาจรู้ได้จนกว่าจะทราบผลการชันสูตรศพ

ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวว่า การชันสูตรศพอาจจะมีขึ้นในวันศุกร์นี้ตามเวลาท้องถิ่น

ร้อยตำรวจโทเฟรด คอร์รัล โฆษกสำนักงานนิติเวชวิทยาเขตลอส แอลเจลีส แถลงยืนยันกับสำนักข่าว CNN เมื่อวันพฤหัสบดีว่า ไมเคิล แจ๊คสัน อดีตราชาเพลงป็อปวัย 50 ปี เสียชีวิตเพราะหัวใจหยุดเต้นเมื่อเวลา 14.26 น.วันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น หรือ04.26 น. เช้ามืดวันนี้ตามเวลาในไทย ขณะที่แฟนเพลงจำนวนมากเริ่มหลั่งไหลไปที่ศูนย์การแพทย์ยูซีแอลเอที่ซึ่งเขา ถูกส่งตัวไปก่อนมีข่าวการเสียชีวิตของเขา

ก่อนหน้านี้ เว๊ปไซต์บันเทิง" TMZ.com "และ"เดอะ ลอส แองเจลีส ไทมส์" รายงานว่าแจ๊คสัน" เสียชีวิตเมื่อเวลาประมาณหลังเที่ยงวันเล็กน้อยของวัน พฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นจากอาการหัวใจวาย โดยเจ้าหน้าที่การแพทย์ไม่สามารถช่วยกู้ชีพได้ ขณะที่โจ แจ๊คสัน บิดาของแจ๊คสัน บอกกับ" อี! ออนไลน์" (E! Online ) ว่า เขาอยู่ที่ลาสเวกัส และได้รับแจ้งจากคนที่อยู่กับแจ๊คสันที่ลอส แองเจลีสว่า แจ๊คสันอยู่ในโรงพยาบาล เขายังไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกำลังรอข่าวเพิ่มเติมอยู่ ส่วน CNN บอกว่าไม่อาจยืนยันได้ว่าเขาเสียชีวิตแล้ว ทราบแต่ว่ามีอาการโคม่า

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานข่าวนี้ โดยอ้างโฆษกสำนักงานดับเพลิงนครลอสแองเจลีสที่ไม่ได้ยืนยันว่าผู้เสียชีวิต คือแจ๊คสัน แต่กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ได้ไปที่บ้านพักของแจ๊คสันที่" โฮล์มบี้ ฮิลล์"เมื่อเวลาเที่ยงวัน 21 นาที ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรง02.21 น.เช้ามืดวันนี้ตามเวลาในไทย และได้นำบุคคลคนหนึ่งส่งศูนย์การแพทย์ UCLA .

การเสียชีวิตมีขึ้นในขณะที่เขากำลังเตรียมจะแสดงคอนเสิร์ตกลับสู่วงการ ในกรุงลอนดอนซึ่งจะเป็นการแสดงชุดแรกของเขาในรอบกว่า 10 ปีและเป็นการแสดงครั้งแรกนับจากเขาพ้นผิดในข้อล่วงละเมิดเด็กชายเมื่อปี 2548 แต่การแสดงคอนเสิร์ตซึ่งถูกเรียกว่า"เป็นการปิดม่านครั้งสุดท้าย" ถูกเลื่อนจากกำหนดเปิดเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งนายแรนดี้ ฟิบิปส์ ประธานAEG Live ผู้จัดงาน อ้างว่าการเลื่อนไม่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของแจ๊คสัน ผู้ซึ่งเขายืนยันว่า มีสุขภาพเป็นเลิศจนเขาอยากจะแลกร่างด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2552

รูปภาพ รูป สิงโต the star ประวัติ สิงโต เดอะสตาร์



รูปภาพ สิงโต the star สิงโต เดอะสตาร์ สิงโต the star 5 ประวัติสิงโต the star 5
สิงโต สิงหรัตน์ จันทร์ภักดี รูปสิงโต the star 5 ขอบคุณภาพจาก Gmember

ประวัติสิงโต the star 5

ชื่อ-สกุล : นายสิงหรัตน์ จันทร์ภักดี Singharat Chanphakdee
ชื่อเล่น : สิงโต
วัน/เดือน/ปี เกิด : 3 มิถุนายน 2535 อายุ 16 ปี
ภูมิลำเนาเดิม : จ. ขอนแก่น
ส่วนสูง : 178 ซม.
น้ำหนัก : 60 กก.
การศึกษา : มัธยมศึกษาชั้นปีที่ 4 โรงเรียนกัลยาณวัตร
อุปนิสัย : ตั้งใจ จริงใจ ทุ่มเท แต่ผ่อนคลาย
คติประจำใจ : ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
วันว่าง : อ่านหนังสือ เล่นกีฬา ดนตรี
แนวเพลง : ป๊อปร็อค
แนวหนัง : หนังแอ๊คชั่น
อาหารโปรด : ข้าวผัดปู
กีฬา : ฟุตบอล, บาสเกตบอล
สัตว์เลี้ยง : สุนัข,แมว
ศิลปินคนโปรด : แบงค์ วงแคลช, ปั๊บ โปเตโต้
นักแสดงที่ชื่นชอบ : ชาคริต แย้มนาม

ต่าย เพ็ญพักตร์ ศิริกุล เซ็กซี่ ภาำพลับ เมื่ออดีต !






แอบดู ภาพลับ ต่าย เพ็ญพักตร์ ศิริกุล สมัยอดีต
ไม่ได้โป๊นะ แต่ต้องแอบดู เพราะเด๋วคนอื่นมาแย่งดู อิอิ
สาวสองพันปี สวยตลอดเวลาอะ แหล่มจริงๆ

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552

สุรากับนารี สองสิ่งนี้เป็นของคู่กัน‏

แล้วมันคู่กันยังไง...??
ถ้าเปรียบนารีแต่ละแบบ กับสุราดังแต่ละชนิด จะเป็นเช่นใดหนอ...??

สาวขาวสวยหมวย X - ว็อดก้า
ใสสะอาด แต่ร้อนแรงเหลือคณา แต่ครั้นได้ชิมสักครั้ง จะติดใจ ไม่อาจเบือนหน้าหนีได้...
 
สาวแว่น เรียบร้อย หวานๆ - กระแช่
หอมหวน นุ่มละมุน ชวนให้ลิ้มลอง แต่ก็ซ่อนความหนักแน่นในดีกรีไว้ในส่วนลึก หากไม่ระวังก็อาจจะเมาไม่รู้เรื่องได้เหมือนกัน... => ข้อมูลจากจากพี่นัตตี้ ผู้ขี้บ่อยใน 3 โลก...
 
สาวลายพราง - ยาดอง
ซ่อนความรุนแรงของสุราไว้ในรสชาติของสมุนไพร หวานนุ่มลิ้น แต่ก็ยังรุนแรงตามแบบฉบับ...

สาวแก่น แสนจะซน - เหล้าปั่น
เปรี้ยวหวานระคน แม้นมีแอลกอฮอล์เพียงเล็กน้อย แต่ก็เพียงพอให้ชื่นชมได้มิรู้ลืม...
 
สาวผิวสีน้ำผึ้ง สวยเข้มข้น  - แสงโสม
นุ่มนวล แต่ซ่อนความรุนแรง ด้วยสีที่งดงาม ทำให้ราตรีนี้ไม่เงียบงัน....
 
สาวขี้อ้อน - เหล้าชง
หากใส่เหล้ามากไปก็รุนแรง หากใส่น้ำมากไปก็เจือจาง จะหาความพอดีได้ยากยิ่ง แต่หากชงได้พอดี ก็เป็นรสชาติที่น่าหลงไหลไม่เบื่อหน่าย

เด็กม.ต้น - เหล้ากำลังบ่ม (NO PIC)
เอ่อ.... รอหน่อย คงต้องลุ้นหน่อยว่าอนาคต เหล้าถังนี้ จะกลายเป็นเหล้าแสนดีที่สุดจะหอมหวาน รึกลายเป็นเหล้าเลวที่เพียงแตะลิ้นก็แทบจะอาเจียน....
 
เด็กม.ปลาย(เด็กกว่า) - ค็อกเทล
กว่าจะได้ชิมนั้นต้องใช้เวลาในการเขย่าให้เข้ากัน แต่ครั้นได้ชิม แม้จะเบาบาง แต่ก็หอมหวานเกินห้ามใจ

สาวออฟฟิศ(แก่กว่า) - Red Label
หาได้ไม่ยาก ผ่านกาลเวลาหมักบ่มมาพอควร รสชาติไม่รุนแรง แต่ก็ไม่เบาบาง แค่นี้ก็เพียงพอให้ได้ชื่นชมกับราตรีอันสวยงามแล้ว...
 
สาวรักสนุก - เหล้าเถื่อน
ร้อนแรง ซาบซ่านจนหยดสุดท้าย แต่ไม่ค่อยได้มาตรฐาน หากว่ากรรมวิธีการผลิตผิดพลาด อาจได้รับพิษแปลกปลอมทำให้ตายได้ในไม่นาน...
 
สาวเก่ง - Gold Label
ดีที่สุด อร่อยเป็นที่สุด กลมกล่อมเป็นที่สุด แต่...แพงที่สุด เหล่าบุรุษเลยมักจะมองข้ามไป... เลยกลายเป็น Gold stocks (คานทอง...)   
 
สาวรักจริง - สาเก
จืดชืดเมื่อยามอยู่โดดเดี่ยว หากขาดอาหารญี่ปุ่นก็ไร้ซึ่งคุณค่า สองอย่างนี้ต้องคู่กันตลอดไป...

สาวขายบริการ - สาโท
อาจ จะดี รึอาจจะไม่ดี เคล้าๆกันไป ถ้าเลือกได้สาโทที่ดีก็หอมหวานเหมือนกัน แต่ถ้าเลือกได้ของไม่ดีก็ทำเอาเสียอารมณ์ได้เหมือนกัน.... 
 
สาวซิง - ไวน์องุ่นฝรั่งเศส
ด้วย ราคาอันมหาศาล และด้วยการค้นหาที่ยากลำบาก ซักครั้งในชีวิตก็อยากจะชิม แต่หากชิมได้เพียงแก้วเดียว รสชาติก็อาจจะฝังในลิ้นจนทำให้เบื่อหน่ายได้ง่ายดาย
 
สาวไม่ซิง - เหล้าขาว
ด้วยสีที่ขาวสะอาด อาจหลอกล่อว่าเป็นสุดยอดสุรา แต่แม้นได้ชิม อาจจะรู้ว่ามิใช่สุราชั้นเลิศอันใด แต่ก็เร้าใจ มิอาจลืมเลือน...

 ..................................

เดี๋ยว... !!!

ยังจบไม่ได้

ขาดไปอย่างนึง....
 
กระเทย - เหล้ารัม
แดกเพราะต้องแดก ไม่แดกก็อดตายกลางทะเล ไม่มีใครคิดจะกินถ้าไม่จำเป็นเกินกลั้น (ยกเว้นชอบแบบนี้ ก็ไม่ว่าอะไร แดกไปเหอะ....)

What can you do with the new Windows Live? Find out

15 ชนิดมนุษย์ MSN

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤษภาคม 2552 14:02 น.

ไปอ่านเจอฟอร์เวิร์ดเมล์ "มนุษย์ MSN 15 ประเภท" เข้าเลยอยากเอามาให้ลองอ่านกันครับ

***

ประเภทแรก : อกหักรักคุดตุ๊ดเมิน เกย์ไม่เอา ทอมไม่แล กระเทยทิ้ง

ประเภทนี้หลายๆคนคงจะเห็นกันบ่อยคือชื่อที่ตั้งใน MSN จะเป็นอะไรที่เน่ามากๆ ไม่เคยคิดที่จะใช้ชื่อแบบอื่นเลย ในหัวมีแต่ความรักลอยเต็มหัว ไม่มีเวลาจะไปคิดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องรักๆใคร่ๆ ตัวอย่างชื่อที่ใช้ก็เช่น "ฉัน เป็นห่วง เธอ ..มากเลยรุ้มั้ย" , "อีกไม่ช้าไม่นานใจเธอจะต้องเปลี่ยนไปจากฉัน", "หรือเราจะรักกันไม่ได้อีกแล้ว" , "ขาดเธอเหมือนขาดใจ"

ประเภทที่ 2 : Away ทั้งชาติ

ประเภทนี้คือตลอดเวลาที่ออน MSN จะมีสถานะเป็น Away ตลอด แต่จริงๆแล้วก็อยู่หน้าคอมฯ

ประเภทที่ 3 : สิ้นคิด

สมกับชื่อประเภทที่บอกไปข้างต้นเพราะพวกเขาเหล่านี้จะตั้งช่อใน MSN โดยใช้ชื่อที่สั้นๆ เช่น ใส่ "........" เป็นชื่ออย่างเดียว หรือ "- -" รึไม่ก็ทศนิยมตัวเดียว แทบจะเห็นชื่อของคนประเภทนี้เป็นสีขาวหรือว่างเปล่าไปเลยเวลามองใน List รายชื่อ ซึ่งที่ตั้งชื่อแบบนี้อาจจะเป็นเพราะอยู่ในอาการจิตตก....หรือขี้เกียจพิมพ์ ....หรือนึกไม่ออกว่าจะใช้ชื่ออะไรดี

ประเภทที่ 4 : หัวศิลป์

ใครที่จะอ่านชื่อของมนุษย์ MSN ประเภทนี้ขอให้ทำใจเพราะบางทีตัวอักษรที่พวกเค้าใช้ตั้งในชื่อนั้น จะไปคัดสรรค์มาอย่างดีจาก Character Map ซึ่งศิลป์ขนาดที่ว่าอ่านกันไม่รู้เรื่องเลยทีเดียวชื่อ ที่มนุษย์ MSN ประเภทนี้ใช้ก็เช่น "Ś ┬ ŕ ά ỳ Ć ά ┬ ć Ћ Ψ"

ประเภทที่ 5 : ออน MSN ผ่านมือถือ

มนุษย์ MSN ประเภทนี้ชอบออน MSN ผ่านมือถือ แต่พวกเขาเหล่านี้จะไม่ Chat หรือยินดีอยากให้มีคนทักมาหาเลย เพราะเวลาเปิดดูข้อความ/ส่ง MSN ผ่านมือถือมันต้องเสียตังค์..... อีกเหตุผลนึงก็คือในมือถือมันพิมพ์ยาก+มันไม่แสดงผลชื่อเป็นสีหรือตัวหนาบาง ทำให้ชื่อคนที่ส่งข้อความมานั้นยาวเหยียด.....ก็มันไม่มี MSN Plus นี่นา

ประเภทที่ 6 : ออน 24 ชม.

พวกเค้าคือมนุษย์ MSN อย่างแท้จริงหากพวกเค้ายังมีชีวิต หากพวกเค้าต่อเน็ท จะต้องออน MSN เสมือนว่าชั้นยังมีตัวตนชั้นยังไม่หายไปไหน เมื่อคุณออน MSN ทุกครั้งคุณจะเห็นพวกเขาเหล่านี้ Online อยู่ใน List คุณเสมอๆจนน่ากลัว....ไม่ว่าจะเช้า สาย บ่าย ค่ำ จนถึงตี 4 ตี 5 ยันเช้าเลยก็มิปาณ แต่พวกเขาจะอยู่หน้าคอมรึเปล่าก็อีกเรื่องนึง

ประเภทที่ 7 : Busy ทั้งชาติ

ประเภทนี้จะต่างกับ Away ก็ตรงที่พวกเค้าอาจจะทำอะไรที่เป็น Full Screen อยู่ซึ่งระบบจะขึ้น Busy ให้อัตโนมัติ (ถ้าตั้งค่าเอาไว้) ทักหาพวกเขาไปก็จะไม่ตอบกลับรึอาจจะตอบกลับมาว่า"ไม่ว่างเล่นเกมอยู่" ซึ่งนี่คือเหตุผลหลักๆของมนุษย์ MSN ประเภทนี้

ประเภทที่ 8 : สบถ/บ่น อย่างเดียว

เหมือนกับชื่อประเภทที่กล่าวมาคือมนุษย์ MSN ประเภทนี้จะตั้งชื่อ MSN ไว้ระบายความเครียดบ่นรึสบถเพียงอย่างเดียว แล้วออนให้ชาวบ้านเห็นซึ่งเวลาที่เห็นชื่อมนุษย์ประเภทนี้ใน List รายชื่อจะชวนให้รู้สึกแย่/รำคาญ ได้ไม่มากก็น้อย และถ้าหากทักไปขณะที่พวกเขาใช้ชื่อแบบนี้อยู่ คุณอาจจะโดนพวกเค้าสบถ/บ่นกลับมอย่างทันควัน เพราะขณะนั้นพวกเค้าจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก

ประเภทที่ 9 : Chat กระจาย คีย์บอร์ดกระเด็น MSN ค้าง

ประเภทนี้เมื่อพวกเขาเข้า M สิ่งที่จะต้องทำคือทักทุกคนที่ขวางหน้าและ Chat อย่างเมามันส์ ในรายชื่อ MSN ของมนุษย์ประเภทนี้จะมีรายชื่อที่ Add ไว้เยอะมากมายไม่ต่ำกว่า 100 รายชื่อ บ้างก็อาจจะมากถึงหลายร้อยเลยทีเดียว ที่มีมากมายขนาดนี้เพราะพวกเค้าพยายามที่จะหาคนคุยด้วยอยู่ตลอดเวลา

ประเภทที่ 10 : หน้าม่อ/หูดำ/หน้าเป็นอลูมิเนียม

ประเภทนี้จะเป็นเฉพาะผู้ชายซะส่วนใหญ่และพวกนี้จะไม่ต่างจากประเภท ที่ 9 เท่าไหร่นัก ต่างกันตรงที่ แทนที่พวกเขาจะ Chat แต่กลับเป็นม่อแทน พวกนี้จะหมายหา Mail ของผู้ ญ เท่านั้น ในรายชื่อพวกเค้าแทบจะไม่มีผู้ชายเลย ซึ่งเมื่อทักไปหาคนพวกนี้แล้วถามว่าได้ Mail มายังไง พวกเค้าก็มักจะตอบว่า"ได้มาจากใน Exteen กั๊บ" , "ในบอร์ดกั๊บ" , "เพื่อนให้มากั๊บ" ซึ่งชะตากรรมพวกนี้จะจบลงด้วย"Block and Delete"

ประเภทที่ 11 : Infecter !!! (ตัวแพร่เชื้อโรค)

ประเภทนี้อันตรายกว่าประเภทที่ 10 มาก เพราะพวกเค้าเหล่านี้ส่วนมากจะเป็นพวกใช้คอมฯไม่เป็นรึไม่ก็เสพติดการเปิด เว็ปโป๊ จนทำให้ Spyware และ Virus หมักหมมอยู่ในตัวเครื่องจนมันแพร่ออกมาทาง MSN ของพวกเค้าคอยส่งความรำคาญให้ชาวบ้านแบบสุดๆ ชะตากรรมไม่ได้ต่างไปจากประเภทที่ 10 คือ "Block and Delete"

ประเภทที่ 12 : ปัญญาอ่อนในโลก Cyber (Cyber Syndrome)

ประเภทนี้เป็นประเภทที่สื่อสารได้ยากมากที่สุด พวกเค้าเหล่านี้ไม่มีความสามารถในการเขียนหรือพิมพ์แต่อย่างใดใน MSN หรือในโลกของจอมอนิเตอร์เลยเสมือนบุคคลพิการทางสมองก็มิปาน ถามไปก็ตอบไม่เป็นศัพท์ ไม่ได้ความ คนละเรื่อง จนต้องใช้วิธีโทรศัพท์ไปคุยแทน แต่จริงๆแล้วก็เป็นคนปกตินี่แหละ ?

ประเภทที่ 13 : นักปราชญ์

ถ้าได้อ่านชื่อ MSN ของคนประเภทนี้คุณจะตรัสรู้เป็นพระอรหันต์เลยก็มิปาณ เพราะชื่อ MSN ของพวกเค้าเหล่านี้จะเป็นปรัญญาหรือคำคม คติธรรม อุดมการณ์ไปซะหมด

ประเภทที่ 14 : มือใหม่หัดเล่น MSN

ก็อย่างที่ชื่อบอกพวกเค้าจะทำอะไรไม่ค่อยเป็นไม่ว่าจะส่งไฟล์ แชร์ไฟล์ แชร์ไวท์บอร์ด เปิดเว็ปแคมฯลฯ เพราะพวกเค้าส่วนมากจะไม่ใช่คนที่เล่นคอมฯเป็นชีวิตหรือเป็นคนที่พึ่งหัด เล่นคอมฯ จึงไม่ค่อยเข้าใจการพูดจาหรือสังคมในเน็ทมากนัก แล้วที่เป็นเอกลักษณ์ก็คือพวกเค้าเหล่านี้ยังไม่มีสัมมาคาราวะเท่าที่ควร เพราะพวกเค้าส่วนมากคิดว่าการที่เค้าพิมพ์ผ่านจอมอนิเตอร์กับการพูดคุยกันใน โลกของความจริงมันต่างกันจึงพูดจาไม่ค่อยมีมารยาทนัก เช่น รู้ว่าคุยกับรุ่นพี่ก็ยังพูด "เออ" , "รู้แล้ว" พูดจาไม่มีหางเสียงเป็นต้น

ประเภทที่ 15 : เกรียน

ประเภทสุดท้ายนี้ไม่อยากจะให้คำจำกัดความให้ปวดหัวเพราะทุกคนรู้กัน ดีอยู่แล้ว.....ซึ่งก็ไม่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตประเภทนี้ได้ Mail ของพวกเราชาวมนุษย์ไป Add ได้อย่างไร.....

คุณเป็นประเภทไหนกันล่ะ...อิอิ

***

โปรแกรม รับส่งข้อความสนทนาหรือ IM อย่าง MSN นั้นกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตคนไอทีกลุ่มหนึ่ง เพียงมีอีเมลแอดเดรส คุณก็สามารถส่งข้อความแบบทันใจให้เพื่อนที่คุณมีอีเมลแอดเดรสอยู่ได้เลย คุณและเพื่อนสามารถส่งข้อความคุยกันแบบโต้ตอบทันที หรือสามารถส่งไฟล์ภาพหรือเอกสารให้กันและกันโดยไม่ต้องใช้อีเมล โดยผู้ใช้ MSN ทุกคนสามารถตั้งชื่อที่คุณต้องการให้คนอื่นเห็นได้ตามชอบใจ บางคนตั้งชื่อยาวเหยียดเป็นคติธรรมคำสอนที่โดนใจ ขณะที่บางคนตั้งชื่อเพื่อระบายความในใจขณะนั้น นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถตั้งสถานะได้ว่ากำลังยุ่งอยู่ (Busy) หรือตั้งเวลาให้ปรากฏสถานะไม่อยู่ (Away) ได้ ซึ่งมนุษย์ MSN 15 ประเภทนี้แบ่งตามลักษณะการตั้งชื่อ การตั้งสถานะ และการใช้งานโปรแกรม MSN

6 สัญญาณอันตราย ที่เตือนว่า คุณต้องปรับปรุงทักษะการฟังของคุณเดี๋ยวนี้ !

สัญญาณอันตราย 6 ข้อ ที่เตือนว่าคุณต้องปรับปรุงทักษะการฟังของคุณเสียเดี๋ยวนี้ ถ้ามีสิ่งใด
ในสัญญาณเตือนเหล่านี้ที่ฟังดูคล้ายคลึงกับนิสัยของคุณละก็ ข่าวร้ายก็คือ ทักษะการฟังของคุณแย่มาก
และคุณคงต้องปรับปรุงมันเสียตอนนี้ แต่ข่าวดีก็คือ คุณยังมีโอกาสที่จะปรับปรุงทักษะการฟังของคุณ
และวิธีการที่คุณสื่อสารกับ “ผู้อื่น”
1.คุณขัดจังหวะ “ผู้อื่น” ก่อนที่พวกเขาจะแสดงความคิดเห็นของพวกเขาจนจบ (คำเตือน :
การขัดจังหวะเป็นการจำกัดการแสดงออกที่สมบูรณ์ทางความคิด)
2. คุณมักจะพูดว่า “ฉันเคยได้ยินมาหมดแล้ว” อย่างฉับพลันเพื่อลงความเห็นหรือตัดบท
ซึ่งนั่นนำไปสู่การพลาดในการแสวงหาความรู้และโอกาสจาก “ผู้อื่น”
3. คุณมักจะพูดว่า “คุณสามารถทำได้ดีกว่านี้ไหม?” เพื่อแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่า “คุณรู้
มากกว่า” หรือ “เก่งกว่าผู้อื่น”
4. คุณมักจะพูดว่า “หยุดพูดแล้วฟังนะ” มันกำลังแสดงถึงการที่คุณปฏิเสธที่จะฟังอย่าง
สิ้นเชิง ซึ่งนั่นนำไปสู่ความหายนะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ( คำเตือน : การสนทนาทางเดียว
ไม่เรียกว่า การสื่อสาร!)
5.คุณมีอาการ “หลบซ่อน” แทนที่จะฟัง“ผู้อื่น”อย่างตั้งใจ การซ่อนอยู่หลังโต๊ะทำงานของ
คุณ การฝากข้อความไว้ที่เครื่องตอบรับอัตโนมัติหรือเลขาที่ทำงานของคุณ หรือแม้แต่การหลบ
ซ่อนอยู่ด้านหลังหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ที่บ้าน ล้วนจำกัดโอกาสที่จะได้ฟังหรือเรียนรู้จาก
“ผู้อื่น”ทั้งสิ้น
6.คุณฟังแต่ตัวคุณเองและเอาแต่คิดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณเพิ่งจะพูดออกไป และหวังว่าตัวคุณ
อาจจะเกิดความคิดที่ฉลาดขึ้นมา นั่นทำให้คุณพลาดสิ่งที่ “ผู้อื่น”กำลังพยายามที่จะบอกคุณ
จงจำไว้ว่า หัวใจสำคัญของการฟังที่ดีคือ การพูดให้น้อยและฟังให้มากขึ้น Epictetus
นักปราชญ์กรีกโบราณ กล่าวไว้ว่า “ ธรรมชาติให้ลิ้นแก่เรา 1 ลิ้น แต่ให้หูมา 2 หู นั่นหมายความว่า เรา
อาจต้องฟังคนอื่นให้มากเป็น 2 เท่า กว่าที่เราพูด ”
ลองทบทวนสัญญาณเตือนทั้ง 6 ข้อแล้วคุณจะสังเกตเห็นว่า พฤติกรรมเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดขั้น
จากการมุ่งไปที่สิ่งที่ “คุณ”กำลังพูด แทนที่จะมุ่งไปที่สิ่งที่ “ผู้อื่น”กำลังพูด!
ลองคิดถึงวิธีการฟังของคุณ นั่นอาจทำให้คุณมีโอกาสในการปรับปรุงทักษะการฟังของคุณและ
อาจทำให้ “ผู้อื่น”แบ่งปันความคิดและความรู้สึกที่ลึกซึ้งและมีคุณค่าที่สุดให้กับคุณอย่างยินดีและเต็ม
ใจ ถ้าคุณเต็มใจที่จะฟังพวกเขาอย่างแท้จริง และนั่นจะทำให้คุณกลายเป็นผู้ฟังที่ดีขึ้น!

วิธีลดพุงแบบ ..ด่วน!!

ถ้าคุณรู้สึกอึดอัดหน้าท้อง จนแทบจะใส่ยีนส์ตัวโปรดของคุณไม่ได้ นี่เป็นเทคนิคเล็ก ๆ ที่ช่วยคุณลดหน้าท้องแบบเร่งด่วน

1. ขยับเขยื้อนตัวให้บ่อยที่สุด

อย่ามัวนั่งจุ้มปุ้กอยู่บนโซฟาหรือนอนแกร่วบนเตียง เพราะจะทำให้คุณอึดอัดมากขึ้น การขยับตัว เดินไปเดินมาในบ้านหรือเดินขึ้นลงบันได จะช่วยเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น

2. ดื่มชา

ค่อย ๆ จิบชา ก็พอช่วยได้ เพราะในชา มีสารที่มีคุณสมบัติในการขับน้ำส่วนเกินออกมาจึงช่วยทำให้กระเพาะหดตัวลง

3. งดอาหารเค็มหรืออาหารที่มีเกลือ

เกลือทำให้หน้าท้องคุณป่องได้ เพราะความเค็มของเกลือจะเป็นตัวกักเก็บน้ำส่วนเกินไว้ จึง ทำให้รู้สึกอึดอัดแถวๆหน้าท้อง

4.ทานอาหารมื้อเล็ก ๆ

แบ่งอาหาร 1 มื้อ เป็น 2 มื้อ และเน้นอาหารแคลอรี่ต่ำ เช่น โยเกิร์ตพร่องไขมัน ผักสด หรือผลไม้ อาจทานทุก 2-3 ชั่วโมง แต่เป็นจานเล็ก ๆ แทน

วงการคอมพิวเตอร์ระวังตัวนะครับ จะโดนหลอกจับลิขสิทธิ์ พร้อมวิธีป้องกันตัวครับ

ยุคนี้มีการหากินกันแปลกๆเกิดขึ้นเย๊อะ การละเมิดลิขสิทธิ์กำลังเป็นที่จับตาในสังคม
จึงเกิดกลุ่มคนที่คิดค้นอาชีพจับผู้ละเมิดลิขสิทธิ์
อาชีพจับของละเมิดลิขสิทธิ์ครับ ใครมีญาติหรือเพื่อนโดนรงแก หรือยังไม่โดนก็โปรดนำไปให้อ่านด้วยนะครับ
การจับของแท้จากเจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรง ทำเพื่อให้คนหันมาใช้ของแท้ ไม่ใช่ทำเพื่อเรียกเงินเกินจริงจากเหยื่อ
-
-พูดง่ายๆคือ ตัวเองไม่ได้มีสิทธิ์ในลิขสิทธิ์นั้นๆ แต่ไปสมัครเพื่อไปไถเงินคนครับ แต่ถ้าทำตามกฎมันก็ไถเงินได้น้อยครับ คนจึงไม่เล่นตามกฎหมาย ใช้วิธีไถเงินและข่มขู่แทน
-
ที่จริงมันไม่ร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตครับ แต่ร้ายแรงตรงที่เป็นภัยสังคมครับ
ผู้เสียหายจะโดนไถเงินรายละ 10000-50000 บาท แต่ที่ผมบอกว่าร้ายแรงเพราะว่า มีคนโดนไปทั่วประเทศแล้วครับ

จุดเริ่มต้นแก๊งไถเงินครับ
1 เริ่มด้วยการตั้งบริษัทจำกัด แล้วรวบรวมขอซื้ออำนาจดำเนินคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา จากเจ้าของลิขสิทธิ์จริงเท่าที่ทำได้ เช่นเพลง กระเป๋า น้ำหอม เกม การ์ตูน โดยบริษัทเหล่านี้จะอ้างคุณธรรม ตั้งเพื่อปราบผู้ละเมิดลิขสิทธิ์
2 บริษัทเหล่านี้จะหาตัวแทน(ก็คือการรับพนักงานบริษัทตัวเอง)
3 ตัวแทนเหล่านี้จะหาสมาชิกแบบขายตรงเลยครับ เรียกว่าผู้รับอำนาจช่วง
4 ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองครับ แต่ก็มีโรงพักบางแห่งไม่ให้ความร่วมมือกับพวกโจร
5 เดินสายจับแบบผิดกฎหมายครับทีละจังหวัด ย้ายไปเรื่อย วนเวียนกลับมาทุกๆ 3-6เดือน
6 มีการทำธุรกิจนี้มาหลายปีแล้วครับ ประมาณ 7 ปี
-
รายได้
ตัวแทนพวกนี้จะรวยมาก รายได้เกินจะคาดเดา แต่ที่พบเห็นคือสามารถออกรถป้ายแดงกันทุกคน BMW ก็มี
-บางกลุ่มออกรถแวนป้ายแดงราคา 6 ล้านก็มี
-หัวหน้าบางคนทำจนมีเงินฝากถึง 200 ล้านบาท

-เห็นมั้ยครับว่าการตั้งบริษัทถูกกฎหมาย แต่ดูเจตนาการตั้งสิครับ เจตนาไม่ได้ทำเพื่อปราบหรือให้คนหันมาใช้ของแท้ แต่ทำเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าครับ
-
การไถแต่ละเเบบมีดังนี้ครับ

การไถเงินร้านซ่อมคอมพิวเตอร์
1 ไถแบบจับลิขสิทธิ์เพลงที่มีอยู่ใน โปรแกรม NICK KARAOKE
1.1 หน้าม้าจะมาตีสนิทร้านคอมพิวเตอร์ด้วยการนำคอมพิวเตอร์มาซ่อมก่อน 1 เครื่อง
1.2 อีก2-3 วันหน้าม้าจะนำเครื่องคอมมาอ้อนวอนให้ลงโปรแกรม NICK ตกลงนัดรับเครื่องกันโดยดี
1.3 วันรับเครื่อง พวกนี้จะจ้างตำรวจมา 2 คน(คนละ500) โดยตำรวจจะออกตัวว่าไม่ได้มาจับมาดูแลความสงบ
1.4 ไถเงิน 50000 บาทแล้วจะไม่เอาความผิดโดยอ้างว่าเป็นเจ้าของเพลง 2-3 เพลง ในโปรแกรม NICK โดยตัวแทนลิขสิทธิ์พวกนี้จะไปขอลิขสิทธิ์เพลงเก่าๆ ราคาถูกๆ
1.5 หากรายไหนหัวแข็งจะพาไปโรงพัก โดยตำรวจ100เวรจะกล่อมให้จ่าย (มันจะเลือกแจ้งความเวลาที่100เวร ที่ร่วมแก๊งเข้าเวร)
1.6 จะโดนตำรวจขู่มากมาย เช่น ประกันเป็น 100000 หรือหากขึ้นศาลจะโดนปรับเป็น แสนๆ โม้ครับ ประกันจริง 50000 บาท ศาลไม่ปรับครับเจ้าของร้านชนะแน่นอน
********วิธีแก้ไขเบื้องต้น
- อย่าคุยกับพวกมันไล่พวกมันกลับไป คุณไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น แม้แต่โรงพัก เพราะมันไม่มีหมายศาล หมายค้น
- หากพวกมันดื้อไม่กลับก็ปิดร้าน โทรตามพวกมาเย๊อะๆ
- อย่ายอมจ่ายเงินให้มันเด็ดขาด ถ้าจะจ่ายก็จ่ายให้มันไป 200 บาท บอกว่าช่วยค่าน้ำมันรีบๆกลับบ้านไปเถอะ
- ถ้ามันโง่มากไม่รู้กฎหมายยังดื้อแจ้งความ ก็ไม่ต้องจ่ายอยู่ดีครับ คดีล่อซื้อแบบนี้ศาลยกฟ้องครับ คุณชนะแน่นอน
- /แต่ส่วนใหญ่พวกนี้ไม่โง่ขนาดนั้น มันไม่ฟ้องศาลหรอกครับ ถ้าไม่จ่ายมันก็กลับไปเฉยๆ ต่อให้ฟ้องไปแล้ว พวกตัวแทนไม่มาขึ้นศาลหรอกครับ คุณก็ชนะอยู่ดี
2 ไถแบบจับลิขสิทธิ์โปรแกรม WINDOWS/MICROSOFT OFFICE /PHOTOSHOP และอื่นๆ ที่ทางร้านลงให้ลูกค้า
**เนื่องจากร้านซ่อมคอมซ่อมคอมให้ชาวบ้านธรรมดา โดยคิดค่าซ่อมครั้งละ 300-500 บาท จึงไม่อาจให้ชาวบ้านซื้อโปรแกรมแท้ให้กับเครื่องที่มาซ่อมได้ หากซื้อของแท้
ค่าซ่อมอาจจะสูงถึง 100000 - 200000 บาท ไม่ได้พิมพ์ผิดครับ แสน-สองแสนครับ /แล้วใครจะบ้ามาซ่อมล่ะครับ พวกโจรจึงคิดวิธีหากิน
1.1 เอาคอมมาให้ลง windows และโปรแกรมที่ลิขสิทธิ์แพงๆ โดยอ้างว่าซื้อ PC มาจากห้างแบบไม่มี OS (อ้างโง่ๆชาวบ้านที่ไหนจะโง่ซื้อคอมจอดำๆไม่มีwindowsมาใช้)
1.2เอาคอมเก่ามาให้ลง windows และโปรแกรมที่ลิขสิทธิ์แพงๆ
1.3 เข้าจับเหมือนเดิมเรียกเงิน 50000 บาท แบบ / 1 ไถแบบจับลิขสิทธิ์เพลงที่มีอยู่ใน โปรแกรม NICK KARAOKE
********วิธีแก้ไขเบื้องต้น
- หากมีคนนำคอมใหม่ที่บอกว่า ไม่มี windowSมา ขอให้ลงwindowsและโปรแกรม ก็ปฏิเสธอย่าลงให้เด็ดขาด
- ให้ทำเอกสารซ่อมไว้ และเขียนชื่อโปรแกรมที่เครื่อง PCจำเป็นต้องมี/ให้ลูกค้าติ๊กในช่องว่าเคยมีโปรแกรมเหล่านั้น และเขียนชัดเจนว่าทางร้านทำการซ่อมให้ใช้ได้เหมือนเดิม
และส่วนโปรแกรมพิเศษต่างๆให้ลูกค้าเขียนเอง หากมีคนนำคอมเก่ามาให้ลง ก็ให้ลูกค้ากรอกแบบฟอร์มนั้น และให้ลูกค้าเซ็นชื่อ
- อย่าคุยกับพวกมันไล่พวกมันกลับไป คุณไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น แม้แต่โรงพัก เพราะมันไม่มีหมายศาล หมายค้น
- หากพวกมันดื้อไม่กลับ คุณก็ปิดร้าน โทรตามพวกมาเย๊อะๆ
- หากตำรวจพื้นที่นั้นโง่ไม่รู้กฎหมายว่าคดีแบบบนี้ศาลยกฟ้อง จับเจ้าของร้าน ให้เตรียมเงินประกัน 50000 บาท
- อย่ายอมจ่ายเงินเด็ดขาด
***************คดีแบบนี้ 99% การเข้าจับไม่มีหมายค้นครับ เพราะเมื่อขึ้นศาล ศาลก็ยกฟ้องครับ จึงไม่มีใครขอหมายศาล

การไถเงินร้านเน็ต ร้านเกม PC
1 ไถแบบจับลิขสิทธิ์ MP3
1.1 หน้าม้าจะแอบมานั่งเล่นแล้วแอบโหลด MP3 ลงเครื่อง
1.2 ตัวแทนลิขสิทธิ์ จะเข้ามาจับโดยไว จ้างตำรวจมาเป็นเพื่อน 2 นายเหมือนเดิมครับ(คนละ500)
1.3 ตัวแทนจะอ้างลิขสิทธิ์เพลง และเรียกเงิน 50000 บาท โดยให้จ่ายกันเองก่อน
1.4 หากรายไหนหัวแข็งจะพาไปโรงพัก โดยตำรวจ100เวรจะกล่อมให้จ่าย (มันจะเลือกแจ้งความเวลาที่100เวร ที่ร่วมแก๊งเข้าเวร)
1.5 จะโดนขู่มากมาย เช่น ประกันเป็น 100000 หรือหากขึ้นศาลจะโดนปรับเป็น แสนๆ โม้ครับ ประกันจริง 50000 บาท ศาลไม่ปรับครับเจ้าของร้านชนะแน่นอน
****วิธีแก้ไขเบื้องต้น
-อย่าจ่ายเงินเด็ดขาด เพราะคดีนี้เจ้าของร้านชนะแน่นอน เพราะในชั้นศาลไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นผู้ลงMP3
-ปิดร้าน แล้วก็ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น เพราะถ้าลิขสิทธิ์ของแท้จะมีหมายศาลและตำรวจจะพูดแสดงโจ่งแจ้งว่าจับคุณจริง และไม่มีการเรียกเงินค่าไถ่ และประเด็นสำคัญ ลิขสิทธิ์ของแท้ไม่จับคดีกระจอกๆแบบนี้
2 ไถแบบยัดเยียดหัวเกรียนเล่นผิดเวลา หากร้านไหนใช้เกมแท้ทั้งหมดจะเจอไม้นี้แทน มีวิธีดังนี้
2.1 หากร้านไหนเผลอ โจรจะแอบส่งหัวเกรียนอายุน้อยๆ ต่ำกว่า 18 ให้มานั่งเล่นเกินเวลา
2.2 นัดแนะตำรวจมาจับตรงเวลาแป๊ะๆ คือ 22.01น
2.3 ดิ้นไม่รอดครับตำรวจจะไถเงิน 50000 เช่นกัน ถ้าไม่จ่ายโดนจับไปโรงพัก
****วิธีแก้ไขเบื้องต้น
- อย่าให้หัวเกรียนเล่นเกินเวลาห้ามพลาดเด็ดขาด
- ถ้าโดนจับอย่าแอบจ่ายใต้โต๊ะเพราะมันแพง ยอมโดนจับและเตรียมเงินประกันครับ สู้กันในศาล ศาลจะดูเจตนาครับ โดนปรับนิดหน่อย
- ถ้าผิดจริงโดยจงใจให้เด็กเล่นเกินเวลาเพื่อหวังเงิน ขอให้สารภาพตามตรงจ่ายในศาลนะครับ แล้วที่หลังอย่าทำอีก





ข้อกฎหมาย ที่ต้องรู้ครับ

ล่อซื้อ
พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 66 บัญญัติว่า ความผิดตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์เป็นความผิดอันยอมความได้
ผลทางกฎหมายคือ เจ้าของลิขสิทธิ์จะต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่รู้ตัวผู้กระทำละเมิดและรู้ถึงการละเมิด
มิฉะนั้นจะขาดอายุความร้องทุกข์
และการแจ้งความร้องทุกข์จะต้องกระทำโดยผู้เสียหาย หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายจะต้องเป็น "ผู้เสียหายโดยนิตินัย"
แต่หากผู้เสียหายเป็นผู้มีส่วนร่วม หรือก่อให้เกิดการกระทำความผิดขึ้น ก็ไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยที่มีอำนาจฟ้องคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
คำพิพากษาฎีกาที่ 4301/2543 การที่จำเลยกระทำความผิดโดยทำซ้ำบันทึกโปรแกรมคอมพิวเตอร์อันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ลงในแผ่นบันทึกข้อมูลถาวรของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้แก่ส. ตามที่ส.ได้ ล่อซื้อ นั้น เกิดขึ้นเนื่องจากการล่อซื้อของส. ซึ่งได้รับการจ้างให้ล่อซื้อจากโจทก์ เท่ากับโจทก์เป็นผู้ก่อให้เกิดการกระทำความผิดขึ้น โจทก์ย่อมไม่อยู่ในฐานะผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้
เพราะฉะนั้น การล่อซื้อและการส่งหน้าม้ามาลงเพลงในคอมพิวเตอร์/การล่อเล่นในกรณีเกมส์เพลย์ จึงเป็นกรณีที่เจ้าของลิขสิทธิ์เป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายขึ้น ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกานี้ จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ไม่มีอำนาจฟ้อง

ข้อย่อยที่ช่วยได้เบื้องต้น ยาวแต่ต้องอ่านนะครับ มันสำคัญทุกข้อครับ
1 จับกุมลิขสิทธิ์ได้ก่อนพระอาทิตย์ตกดินเท่านั้น ถ้ามาตอนมืด ถึงจะถูกต้องก็ไล่กลับไปได้เลย
2.หากมีคนอ้างเป็นตัวแทน ขอดูบัตรประชาชน ดูใบรับมอบอำนาจจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ดูบัตรของผู้รับมอบจะต้องมีบัตรของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ถ้าไม่ให้ดูไล่พวกมันกลับไปได้เลย
3 การล่อเล่นของหน้าม้า เป็นการร่วมกระทำความผิด ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ไม่มีอำนาจแจ้งความร้องทุกข์
4 ร้านคอมฯปฏิเสธไม่ให้ตรวจเครื่องคอมฯได้นะครับถ้ามันไม่มีหมายค้น ในส่วนของตัวร้าน(สาธารณสถาน)อยากตรวจก็ให้ตรวจไป แต่เครื่องคอมฯไม่ใช่สาธารณสถานเรามีสิทธิปฏิเสธไม่เปิดให้ตรวจสอบได้
5 ตัวแทนลิขสิทธิ์ไม่มีสิทธิ์อธิบายขั้นตอนการจับกุม กฎหมายเขียนชัดเจนให้เป็นหน้าที่ของตำรวจชุดจับกุมให้เป็นผู้จัดทำบันทึกการจับกุม ไม่มีกฎหมายให้อำนาจราษฎรทำ เป็นข้อต่อสู้ของจำเลยข้อหนึ่งได้ว่ามันมั่วนิ่มไม่รู้กฎหมายแล้วมาจับ
6 ราษฎรก็จะช่วยตำรวจจับไม่ได้แม้ตำรวจจะขอให้ช่วยจับ เพราะ ตำรวจจะขอให้ราษฎรช่วยจับได้ต้องเป็นผู้จัดการตามหมายจับเท่านั้น(เช่น โจรที่มีหมายจับ) แต่การจับละเมิดลิขสิทธิ์ในความผิดซึ่งหน้าไม่ใช่การจัดการตามหมายจับ เราจึงมีสิทธิป้องกันการจับกุมอันมิชอบด้วยกฎหมายทั้งปวงกับราษฎรที่มาช่วยจับได้ตามสมควร(ต่อสู้ป้องกันตามสมควร อย่าให้ถึงตายนะครับ แบบนั้นติดคุกฐานฆ่าคนตาย ควรใช้กระบองป้องกันตัว)ไม่มีความผิดทางอาญาใดๆ
7 การล่อเล่น ไม่จำเป็นต้องเป็นตำรวจ ราษฎรก็ล่อเล่นได้ (แต่การล่อเล่นในคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ถือเป็นการมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ศาลจะยกฟ้อง) เหมือนข้อ3
8 จะเป็นความผิดซึ่งหน้า ต้องดูที่ลักษณะของการกระทำ ไม่ใช่ดูที่ตัวผู้ล่อเล่นว่าเป็นตำรวจหรือไม่เป็นตำรวจ ความผิดซึ่งหน้า หมายถึง ความผิดซึ่งเห็นกำลังกระทำ หรือพบในอาการใด ซึ่งแทบจะไม่มีความสงสัยเลยว่าได้กระทำผิดมาแล้วสดๆ (ดูประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 80)
9 ดูที่ประมวลกฎหมายพิจารณาความอาญามาตรา 79 ราษฎรก็สามารถจับความผิดซึ่งหน้าได้โดยไม่ต้องมีหมายจับ แต่ต้องเป็นความผิดบางประเภทเท่านั้น (คือความผิดที่บัญญัติไว้ท้ายประมวลป.วิอาญา) เช่น ฐานฆ่าคนตาย เป็นต้น แต่ความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ใช่ความผิดท้ายประมวลฯ ราษฎรจึงจับไม่ได้แม้เห็นความผิดเกิดขึ้นซึ่งหน้า
10 การละเมิดลิขสิทธิ์ต้องเกิดซึ่งหน้าตำรวจเท่านั้นเช่นนั่งไลท์แผ่นต่อหน้าต่อตาตำรวจ ตำรวจจึงจะมีอำนาจจับกุม (และต้องมีการแจ้งความแล้ว ถ้ายังไม่แจ้งความก็ไม่มีสิทธิ์จับในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์) ถ้าการละเมิดเกิดต่อหน้าตัวแทนบริษัท(หน้าม้า) แม้จะถ่ายรูปไว้ ถ้าขณะนั้นตำรวจไม่ได้เห็นด้วย(ตำรวจอยู่นอกร้าน-มาทีหลัง) ก็ไม่มีอำนาจจับกุมครับ
11 การค้นในที่รโหฐาน เช่น ส่วนที่เป็นที่อยู่อาศัย ต้องมีหมายค้น ถ้าเข้าไปยึดแผ่นเโดยไม่มีหมาย ก็เป็นการค้นที่ไม่ชอบ ทรัพย์สินที่ยึดไปไม่สามารถนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานได้ ต้องห้ามตามกฎหมาย เพราะฉะนั้น ถ้าขึ้นศาลก็จะไม่มีพยานหลักฐานนำสืบแสดงว่าเราทำผิด (แม้เราละเมิดจริง แต่เมื่อไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเราทำผิด เพราะหลักฐานที่ยึด ได้มาจากการค้นที่ไม่ชอบ) ศาลจะยกฟ้อง
12 หลัก ตำรวจจะจับผู้ใดโดยไม่มีหมายจับหรือคำสั่งศาลไม่ได้(ดูประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา78) ข้อยกเว้น จะจับโดยไม่มีหมายจับก็ได้ เมื่อบุคคลนั้นได้กระทำความผิดซึ่งหน้า และเหตุอื่นตามที่กฎหมายกำหนด (ดูประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 80) คดีละเมิดลิขสิทธิ์ไม่มีสิทธิ์จับ
แต่ถ้าเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว เช่นคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ต้องมีการแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหายหรือตัวแทนเสียก่อน ตำรวจจึงจะมีอำนาจจับ ดังนั้น ถ้ายังไม่มีการแจ้งความร้องทุกข์ อำนาจจับกุมก็ยังไม่เกิด แม้จะมีการละมิดลิขสิทธิ์เกิดขึ้นต่อหน้าตำรวจ ตำรวจก็จับไม่ได้


การเอาผิดกลับ
ปัจจุบันโทษรุนแรงเพียงพอแล้วครับ เพียงแต่พวกเราไม่มีใครเอาจริงเท่านั้น
เพราะถ้ามั่วนิ่มมา เราก็สามารถเอาผิดได้ หลายข้อหา เช่น
1. ฐานบุกรุก มาตรา 362 และ 364 โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำและปรับ
มาตรา 365 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ
2. ฐานแจ้งความเท็จ มาตรา 137 จำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาทหรือทั้งจำและปรับ
มาตรา 172 จำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่พันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 174 จำคุกไม่เกินห้าปีและปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
3. ฐานเบิกความเท็จ มาตรา 177 จำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นหรือทั้งจำทั้งปรับ
4. ฐานฉ้อโกง มาตรา 341 จำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ (คือโดยทุจริต รู้อยู่ว่าตนไม่มีอำนาจจับ แต่ได้หลอกลวงว่าตนมีอำนาจเช่นว่านั้น และการหลอกลวงนี้ทำให้ได้เงินจากเราไป ก็จะผิดฐานฉ้อโกงนี้)
5. ฐานกรรโชกทรัพย์ มาตรา 337 คือถ้ามีการบังคับข่มขู่ว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือบุคคลที่สาม จนยอมเช่นว่านั้น มีโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่น
ถ้าการกรรโชกทำโดยขู่ว่าจะฆ่า ขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายฯ หรือมีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ จำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปีและปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท
จะผิดข้อหาใด ฐานใดต้องดูข้อเท็จจริงเป็นกรณีไป เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะพิจารณาและหาพยานหลักฐาน
ที่บอกว่าควรจะต้องตรวจสอบก่อนนั้นว่ามั่วมาหรือไม่---- กรณีนี้ ตัวแทนนำจับรู้ตัวมันอยู่แต่แรกแล้วว่าตัวเองมีสิทธิหรือไม่ เป็นการกระทำโดยเจตนาชัดเจน
หน้าที่ในการตรวจสอบเป็นของตำรวจ ก่อนรับแจ้งความต้องตรวจสอบเอกสารให้ละเอียดว่าผู้แจ้งมีอำนาจแจ้งหรือไม่ ใครเป็นผู้รับมอบอำนาจ ใครเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ต้องมีเอกสารชัดเจนจึงจะรับแจ้งความได้
ถ้าตำรวจบกพร่องละเลยไม่ตรวจสอบแล้วรับแจ้งความ ถ้าปรากฏภายหลังว่าการแจ้งความไม่ถูกต้อง ไม่มีสิทธิ ไม่มีอำนาจจริง ตำรวจจะมีความผิดทั้งทางวินัยและอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157
เราสามารถเอาผิดได้ทั้งตัวแทนนำจับและตำรวจครับ ถ้าตัวแทนมั่วมา
แต่ถ้าเขามีสิทธิจริง เราก็ค่อยมาดูถึงวิธีการค้นและจับว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ถ้าวิธีการค้นและจับไม่ชอบด้วยกฎหมาย เราก็สามารถเอาผิดกับพวกมันและตำรวจที่มาส่ง ได้เช่นกัน



อันนี้ มีผู้หวังดีเสริมให้ครับ ซ้ำคงไม่ว่ากัน

การล่อเล่น ไม่จำเป็นต้องเป็นตำรวจ ราษฎรก็ล่อเล่นได้ การล่อเล่นในคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ถือเป็นการมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ศาลจะยกฟ้อง*****
--------
การค้นในที่รโหฐาน เช่น ห้องนอน ห้องครัว ส่วนที่เป็นที่อยู่อาศัย ต้องมีหมายค้น ถ้าเข้าไปยึดแผ่นเกมส์โดยไม่มีหมาย ก็เป็นการค้นที่ไม่ชอบ ทรัพย์สินที่ยึดไปไม่สามารถนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานได้ ต้องห้ามตามกฎหมาย เพราะฉะนั้น ถ้าขึ้นศาลก็จะไม่มีพยานหลักฐานนำสืบแสดงว่าเราทำผิด (แม้เราละเมิดจริง แต่เมื่อไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเราทำผิด เพราะหลักฐานที่ยึด ได้มาจากการค้นที่ไม่ชอบ) ศาลจะยกฟ้อง
****
หลัก ตำรวจจะจับผู้ใดโดยไม่มีหมายจับหรือคำสั่งศาลไม่ได้ (ดูประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 78)
ข้อยกเว้น จะจับโดยไม่มีหมายจับก็ได้ เมื่อบุคคลนั้นได้กระทำความผิดซึ่งหน้า และเหตุอื่นตามที่กฎหมายกำหนด (ดูประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 80)ความผิดซึ่งหน้า หมายถึง ความผิดซึ่งเห็นกำลังกระทำ หรือพบในอาการใด ซึ่งแทบจะไม่มีความสงสัยเลยว่าได้กระทำผิดมาแล้วสดๆ (ดูประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 80)
*****
ราษฎร(หมายถึงตัวแทนบริษัทด้วย)สามารถจับความผิดซึ่งหน้าได้โดยไม่ต้องมีหมายจับ แต่ต้องเป็นความผิดอาญาบางประเภทเท่านั้น (คือความผิดที่บัญญัติไว้ท้ายประมวลป.วิอาญา) เช่น ฐานปล้นทรัพย์ ฐานฆ่าคนตาย เป็นต้น แต่ความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ใช่ความผิดท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ราษฎรจึงจับไม่ได้แม้เห็นความผิดเกิดขึ้นซึ่งหน้า )



เรื่องที่ขอจะช่วยมีดังนี้ครับ
1 ช่วยบอกต่อๆกับญาติพี่น้องของพวกคุณทุกๆคนและให้เค้าบอกต่อๆไปอีก ให้ระวังตัวนะครับ เท่าที่ทำได้ ข้อนี้สำคัญที่สุดครับ
2 ช่วยทำให้กระทู้ที่จะตั้งใหม่เป็นกระทู้แนะนำนานๆ หากใครรู้จักมีเส้นกับทางเว็บ ให้ช่วยขึ้นเป็นหัวข้อหลักของเว็บยิ่งดี
3 ช่วยก็อปปี้กระทู้ที่จะตั้งไปโพสในเว็บต่างๆเท่าที่ทำได้
4 ช่วยเล่าประสบการณ์ที่เคยเจอเสริม อาจจะเป็นญาติก็ได้ครับ
5 หากใครรู้จักสนิทสนมกับนักข่าวที่ดังๆเป็นพิเศษ ช่วยให้ขุดเรื่องนี้จะดีเยี่ยม ใครช่วยข้อนี้ได้โปรดบอกด้วยครับ
6 ช่วยๆกัน Forward ให้เพื่อนๆ เท่าที่ทำได้นะครับ
-
-
ผมเคยถูกเชิญให้ไปประชุมในการรวมตัวของผู้เสียหายแล้วครับ น่าสงสารมากๆ ส่วนใหญ่มีแต่คนจนๆ ครับ ร้องไห้กันเย๊อะครับ
และส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ครับ 90% ยอมจ่ายเงินด้วยครับ เพราะเค้ากลัว
ผมจึงจะช่วยเท่าที่ช่วยได้ ด้วยการกระจายข้อมูลให้คนรู้ทันกันทั่วแผ่นดิน

พวกสำนักกฎหมายที่กว้่านซื้่อใบมอบอำนาจเนี่ย เป็นพวกทำนาบนหลังคนของจริง คืออาศัยช่องว่างกฏหมายไปรีดไถเงิน ส่วนใหญ่พวกนี้จ้างตำรวจอีกทีครับ และมักจะเป็นตำรวจนอกพื้นที่ เพราะ้ถ้าในพื้นที่จะคุยกันได้ และไม่อยากทำแบบนี้เท่าไร(เพราะปกติก็รับทางนี้อยู่แล้ว)

อ้อ เพิ่มเติม ถ้าเขานำใบมอบอำนาจมาให้ดู ต้องเป็นฉบับจริงนะครับ เป็นสำเนาไม่ได้ ไม่มีสิทธิ์ตามกฎหมายเลย ไล่กลับไปได้เลย เพราะไม่มีหลักฐานว่าเขาเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ได้รับมอบอำนาจมาจริง แต่ส่วนใหญ่จะเอามาแค่สำเนา เพราะใบมอบอำนาจจะมีแค่ใบเดียว(ที่ซื้อต่อมา) ไปจับได้ทีละเจ้าเท่านั้น แต่พวกนี้มันอาศัยว่าคนอื่นไม่ค่อยรู้กฎหมาย ทำสำเนา แล้วกระจายสายไปจับพร้อมๆกันหลายๆที่เฉยเลย

แต่ก็แปลกดีที่ึคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ค่าปรับไม่เกินสองแสนบาทแถมยอมความได้ แต่เวลาจับจริง ตร.ดันคิดค่าประกันตัวกันเป็นแสน คดีฆ่าคนตายตามบ้า่นนอกยังประกันตัวแค่5หมื่นเองเลยนะครับ ก็น่าคิดว่ามันเอื้อประโยชน์ให้พวกนี้หรือเปล่า เพราะพอขู่ค่าประกันตัวเป็นแสน แถมมาจับเย็นวันศุกร์ ไม่มีทางหาเงินสดเป็นแสนได้ทันเพราะธนาคารปิดแล้ว ก็ขู่ว่าให้ยอมความก่อน จ่ายหลักหมื่นต้นๆแทน ไม่งั้นต้องนอนคุก คนที่โดนจับส่วนใหญ่เลยยอมจ่ายยอมความ เพราะไม่อยากนอนคุกนี่แหละครับ

ทั้งๆที่จริงๆแล้ว เท่าที่เคยทราบมา คดีร้านเนทถึงฎีกา เพราะเจ้าของร้านสายป่านยาว ยอมหาเงินสดจำนวนมากมาสู้คดี ก็ยกฟ้องกันหมด เพราะไม่มีหลักฐานใดๆที่แสดงให้ศาลเห็นจนปราศจากข้อสงสัยว่า เจ้าของร้านเป็นคนลง file นั้นในเครื่องเอง (ยกเว้่นในกรณีที่ว่านำมาใช้ประโยชน์ให้เห็นจะๆ เช่นเปิดให้ดูเอง หรือลงไว้ให้ลูกค้าใช้ แบบนี้ก็ยากหน่อย) ส่วนการล่อซื้อ เช่นปกติร้านไม่ได้รับ write แผ่น แต่ ลูกค้า(ตัวปลอม)มาขอร้องให้ write แผ่นละเมิดลิขสิทธิ์ให้ อ้างว่าต้องใช้ด่วน แบบนี้ ก็หลุดคดีนะครับ การล่อซื้อกับคนที่ไม่ได้ืทำผิดเป็นประจำ ถือว่าผิดกฎหมายด้วยซ้ำมันต่างกับการล่อซื้อยาเสพติด

แนะนำเพิ่มเติมให้ติดกล้องด้วย กล้องCCTV ราคาถูกๆ หรือเวบแคมดัดแปลงให้บันทึกก็ได้ จะเป็นหลักฐานในการฟ้องกลับได้ ยิ่งถ้ามีพวกสายล่อซื้อมันแอบมาลงก่อน ยิ่งจะฟ้องกลับได้สบาย

ถ้าละเมิดจริง ก็จ่ายให้เจ้าของลิขสิทธิ์จริงก็คงไม่มีคนบ่น แต่ดันกลายเป็นว่า พยายามหาเงินยอมความรีดไถเข้ากระเป๋าตัวเองแบบนี้ มันก็ไม่ต่างจากมาเฟียที่มารีดไถเงินชาวบ้านสักเท่าไรหรอกครับ ไม่รู้่ว่าผู้มีอำนาจจะกวาดล้างพวกนี้กันเมื่อไรสักที

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2552

FW: น้องย่าหยา 1 เดือนกับอีก 28 วันค๋า



สวัสดีพี่ป้าน้าอา คุณลุงคุณป้าด้วยน๋าคะ  หนู 1 เดือนกับ 28 วันแล้วค๋


Invite your mail contacts to join your friends list with Windows Live Spaces. It's easy! Try it!

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ดูดวงจากปลายนิ้วมือ

เป็นความจริงที่ยอมรับกันไปแล้วว่าแต่ละคนบนโลกใบนี้มีชุดลายนิ้วมือที่แตกต่างกันหมด ชาวจีนได้คิดค้นวิธีที่จะอ่านลักษณะพิเศษด้านบุคลิกลักษณะและโชคชะตาโดยการศึกษาริ้วคลื่นและวงกลมที่ปรากฏอยู่ที่ปลายนิ้วมือของทุกคน
ซึ่งจริงๆแล้วเป็นที่เชื่อกันมาแต่โบราณว่านิ้วมือของหญิงที่จะมาเป็นลูกสะใภ้นั้นจะต้องได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนจากตระกูลที่โด่งดังเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เผลอรับผู้หญิงที่มีลายนิ้วมือแบบสลับกันไปมาระหว่างวงกลมและริ้วคลื่น เพราะเชื่อกันว่าผู้หญิงที่มีลักษณะเช่นนี้จะนำปัญหามาสู่ตระกูล ควบคุมยาก และมักจะก้าวร้าวมาก

เราจึงได้นำข้อบ่งชี้บางประการเกี่ยวกับโชคชะตาและบุคลิกลักษณะนิสัยตามลายวงกลมและริ้วคลื่นบนปลายนิ้วทั้งห้าในแต่ละมือมาให้คุณ ผู้ชายควรตรวจดูที่มือซ้าย ขณะที่ผู้หญิงควรดูที่มือขวา

นี่คือสองรูปแบบที่แตกต่างกันของวงกลมและริ้วคลื่นที่เห็นได้จากทุกนิ้ว การอ่านให้เริ่มอ่านจากนิ้วโป้งก่อน แล้วค่อยไปที่นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนางและนิ้วก้อยตามลำดับ นี่คือลำดับที่บ่งบอกนัยเกี่ยวกับดวงชะตาและโชคลาภในชีวิตของคุณ

เพื่อให้ง่ายต่อการอ้างถึงเราจะใช้ O แทนวงกลม และ W แทนริ้วคลื่น


แบบ:
OOOOO ( วงกลมทั้งหมด)
ความหมาย:
คุณเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง มีความหนักแน่นและอารมณ์ร้อน รักอิสระ ไม่ขึ้นกับใคร โชคของคุณนี้จะพลิกผันอย่างมากในช่วงชีวิต สิ่งที่เป็นบ่อนทำลายคุณก็คืออารมณ์ร้อนดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณต้องฝึกที่จะอดทนอดกลั้นและสงบสติอารมณ์เข้าไว้


แบบ:
WWWWW ( ริ้วคลื่นทั้งหมด)
ความหมาย:
คุณเป็นคนตรงไปตรงมา เปิดเผย ที่สามารถลื่นไหลไปตามสถานการณ์ นิ้วแบบนี้แสดงให้เห็นลักษณะของคนที่อ่อนไหวมาก และเหมาะกับงานออกแบบและงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ คนที่มีลายนิ้วมือแบบนี้ออกจะเป็นคนขี้อายและรู้สึกอึดอัดเวลาอยู่ในแวดวงสังคม ดังนั้นจึงไม่เหมา ?? ที่จะทำงานด้านประชาสัมพันธ์ การเมือง หรืองานอะไรก็ตามที่จำเป็นต้องพบปะผู้คน


แบบ:
WOOOO
ความหมาย:
คุณเป็นคนที่มีจิตใจใสสะอาด ตราบเท่าที่คุณขยันทำงาน รับรองได้เลยว่าจะต้องประสบความสำเร็จแน่นอน ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นคนรีบร้อน ก็จะมีคนยื่นมือมาช่วยคุณตลอด คุณยังเป็นคนที่มีจิตใจดีงามอีกด้วย


แบบ:
OOOOW
ความหมาย:
เนื่องจากคุณเป็นอ่อนโยนและมีท่าทีที่สุภาพ คุณอยู่ในตัว คุณจึงมักจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้ที่อายุมากกว่าหรือจากเพื่อนๆ คุณจะมีความสุขกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในชีวิตการทำงานของคุณ จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของคุณคือคุณไม่ยอมเชื่อใครง่ายๆ นี่จึงอาจทำให้คุณหัวโบราณเกินไป


แบบ:
OWWWO
ความหมาย:
ถ้าคุณสามารถเลือกอาชีพที่มีเกียรติ คุณจะประสบความสำเร็จมาก อย่างไรก็ตาม คุณไม่ควรทะนงตัวมากเกินไป และต้องไม่ดูถูกอาชีพตัวเอง คุณยังต้องคอยระวังหลังไว้ให้ดี เพราะมีแนวโน้มว่าจะมีคนอิจฉาและหักหลังคุณ ให้มองถึงผลประโยชน์ระยะยาวเสมอ


แบบ:
OOOWW
ความหมาย:
คุณดูจะเป็นคนอารมณ์ร้าย และค่อนข้างที่จะด่วนตัดสินใจ ซึ่งเป็นทัศนคติที่ผิวเผินและอาจทำให้คุณเดินทางผิดได้ง่ายๆ ถ้าคุณสามารถแก้ไขได้ คุณจะประสบความสำเร็จอย่างมาก คุณมีศักยภาพอยู่แล้วดังนั้นเวลาจะทำอะไรลองทำใจให้เย็นลงหน่อย


แบบ:
OWWOW
ความหมาย:
คุณจะต้องทำงานหนักในช่วงต้นของการทำงาน เมื่อถึงวัยกลางคนหรือมากกว่านั้น คุณจะได้รับการยอมรับและร่ำรวย ดังนั้นยิ่งคุณอายุมากขึ้น โชคคุณก็จะยิ่งดีขึ้น


แบบ:
OWWWW
ความหมาย:
คุณมีคุณลักษณะที่ดีเพียงแต่ว่าจะประสบความสำเร็จจริงๆ ตอนอายุมากแล้วเท่านั้น ให้เตรียมตัวให้พร้อมที่จะทำงานหนักมากๆ ในช่วงที่อายุยังน้อยและช่วงวัยกลางคน แล้วคุณจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จเมื่ออายุมากขึ้น


แบบ:
OWOWW
ความหมาย:
คุณจำเป็นที่จะต้องอดกลั้นต่อการมีจิตใจคับแคบในทัศนคติของคุณและวิธีที่คุณคิดหรือทำงาน ลองทำตัวให้อ่อนน้อมถ่อมตนลงและเรียนรู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณได้รับความช่วยเหลือที่มีอิทธิพลซึ่งจะนำคุณไปสู่จุดสูงสุดของธุรกิจและชีวิตการทำงาน


แบบ:
WOWWW
ความหมาย:
คุณมีทักษะทางสังคมที่ดีมาก ไม่ว่าคุณจะทำกิจการอะไร คุณก็จะชอบที่จะลองเสี่ยงและคุณมักจะเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนเสมอ แต่จงระวัง ในช่วงหลังของชีวิตอาจจะมีเรื่องท้าท้ายมากขึ้น จงเสี่ยงให้น้อยลงเมื่อคุณอายุมากขึ้น


แบบ:
WWOWW
ความหมาย:
คุณเป็นคนที่มีทัศนะกว้างไกลและมีภาระรับผิดชอบมาก จงระวัง ทัศนะของคุณอาจอาจทำให้คุณตกที่นั่งลำบาก อยู่บนพื้นฐานเหตุผล?ห้มากกว่านี้จะดีกว่า แล้วชีวิตคุณจะยิ่งประสบความสำเร็จมากขึ้นไปอีก


แบบ:
WOWOW
ความหมาย:
คุณเป็นคนที่ควบคุมหรือชักจูงไม่ได้ง่ายๆ เพราะคุณเป็นคนดื้อรั้น หากคุณสามารถมุ่งความสนใจไปยังสิ่งที่คุณต้องการในชีวิตได้ คุณก็จะประสบความสำเร็จ แต่ปัญหาก็คือคุณเป็นคนเอาแน่เอานอนไม่ได้และคลุมเครือในสิ่งที่คุณต้องการอย่างแท้จริงในชีวิต


แบบ:
OWOOW
ความหมาย:
คุณเป็นคนมีคุณธรรมและเป็นคนจิตใจดี คุณมีแนวโน้มที่จะเป็นที่พึ่งของผู้ร่วมงานและเพื่อนฝูง ดังนั้นคุณจึงเป็นที่ชื่นชอบ เนื่องจากคุณเป็นคนที่คิดอะไรลึกซึ้งและมีความละเอียดอ่อนต่อผู้อื่น คุณจะมีความสุขกับความสำเร็จในงานด้านความคิดสร้างสรรค์


แบบ:
OOWOO
ความหมาย:
คุณเป็นคนกล้าหาญและทำงานหนัก คนมากมายต่างก็ไว้ใจคุณตั้งแต่คุณอายุยังน้อย แต่ถ้าคุณไม่รักษาชื่อเสียงของคุณไว้ คุณอาจจะสร้างศัตรูขึ้นเมื่อคุณก้าวหน้าและชีวิตจะยากลำบากมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น


แบบ:
WWWOW
ความหมาย:
คุณเป็นคนฉลาดมากและจะมีความสุขกับเกียรตินิยมหลายๆ ใบ คุณจะมีชีวิตที่ราบรื่นและได้มีโชคด้านความมั่งคั่ง ถ้าคุณทำงานหนักได้ คุณจะเป็นคนที่ยอดเยี่ยมและประสบความสำเร็จคนหนึ่ง


แบบ:
WWOWO
ความหมาย:
คุณมีชีวิตที่ขึ้นๆ ลงๆ ตลอดทั้งชีวิต ทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณสามารถก้าวไปทีละขั้นอย่างมั่นคงได้ คุณจะมีความสุขกับชีวิตอันสงบสุขเมื่อคุณเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว


แบบ:
OWOWO
ความหมาย:
คุณมีสติปัญญาหลักแหลมหาใครเทียบได้ยาก คุณทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม คุณเป็นคนที่มีลักษณะก้าวร้าวมากและดูข่มผู้อื่น ถ้าคุณแก้ไขตรงนี้ได้คุณจะทะยานไปได้สูง


แบบ:
OWOOO
ความหมาย:
คุณมีจิตใจดีและเข้ากับผู้อื่นได้ง่าย คุณไม่เก่งด้านการทำธุรกิจ แต่คุณจะเป็นครูที่ดีหรือเป็นได้แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิญญาณ คุณจะมีความสุขกับความสำเร็จในโลกวิชาการ


แบบ:
WWWWO
ความหมาย:
คุณจะได้รับธุรกิจหรือมรดกตกทอดจากบิดามารดาของคุณหรือจากผู้ที่อายุมากกว่า ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นคนที่มีฝีมือและสามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจของตัวเองได้ แต่ความใจร้อนที่คุณมีอาจทำให้คุณลำบากได้ไม่น้อย


แบบ:
WWWOO
ความหมาย:
คุณเป็นคนจิตใจดีและจะมีคนดีๆ เข้ามาในชีวิตคุณ เพราะคุณดึงดูดคนเหล่านี้เข้ามาหาคุณ ทำงานให้หนักแล้วคุณจะเก็บเกี่ยวสิ่งตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อมาได้อย่างง่ายๆ คุณจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน


แบบ:
OOWWW
ความหมาย:
คุณเป็นคนตรงมากคนหนึ่ง แต่ความคิดของคุณค่อนข้างจะเหมือนซื่อและไม่ลึกซึ้ง แม้ว่าคำแนะนำของคุณจะดี แต่ถ้าคุณไม่คิดให้ดีก่อนในสิ่งที่คุณพูด คุณก็ไม่ต้องแปลกใจถ้าคนอื่นดูจะมองข้ามความคิดเห็นของคุณ คำพูดของคุณมีพลังไม่เพียงพอ


แบบ:
WOOWW
ความหมาย:
คุณเป็นคนที่น่าเชื่อถือและมีนิสัยรักสงบ ดังนั้นคุณจึงเป็นคนที่สามารถประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เพราะความทะนงตัวของคุณเองอาจทำให้คุณไปล่วงเกินผิดคนเข้า


แบบ:
OOWWW
ความหมาย:
คุณมีนิสัยหยิ่งทะนงและวางมาด แม้ว่าลึกลงไปแล้วคุณเป็นคนที่มีจิตใจงดงามคนหนึ่งเลยทีเดียว อย่างไรก็แล้วแต่ คุณต้องปรับปรุงทักษะด้านสังคมให้ดีขึ้น ญาติๆ คุณดูมีแนวโน้มที่จะตักตวงผลประโยชน์จากคุณ


แบบ:
OWWOO
ความหมาย:
คุณจะเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง แม้ว่าชีวิตคุณดูเหมือนจะไม่มั่นคงในช่วงแรกของการทำงาน และคุณจำเป็นต้องทำงานหนักในช่วงอายุสามสิบ แต่เมื่อถึงช่วงที่คุณเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ชีวิตคุณจะดีขึ้นเรื่อยๆ


แบบ:
OOWOW
ความหมาย:
คุณเป็นคนที่มีจิตใจสูงส่ง สามารถที่จะมองเห็ ?? และคว้าโอกาสต่างๆ มาได้ คุณเหมาะสมที่สุดที่จะทำงานด้านการเงินและการลงทุน โชคของคุณจะดีขึ้นเมื่อคุณอายุมากขึ้น


แบบ:
WOOWO
ความหมาย:
คุณเป็นคนง่ายๆ แต่มีเหตุมีผล ถ้าคุณสามารถมุ่งความสนใจไปที่พื้นฐานของชีวิตและค่อยๆ ไต่บันไดแห่งความสำเร็จไปทีละขั้น โดยไม่ใจร้อนเกินไป คุณจะได้ประโยชน์จากโชคด้านความมั่งคั่งและได้รับความเคารพจากผู้คน


แบบ:
WOWWO
ความหมาย:
คุณเป็นคนคิดอะไรลึกซึ้ง เมื่ออายุยังน้อย คุณก็เตรียมคิดถึงอนาคตของคุณแล้ว คุณจะมีความสุขกับชีวิตที่เรียบง่ายและสงบสุข นั่นคือคุณจะมีความสุขมากในวัยชรา


แบบ:
WWOOW
ความหมาย:
คุณเป็นคนที่มีความสามารถมากคนหนึ่ง แต่มีแนวโน้มว่าคุณจะขาดวิจารณญาณที่ดี และยังดูเหมือนว่าคุณจะเป็นคนที่เริ่มอะไรแล้วไม่นานก็หมดความสนใจ จงมีความแน่วแน่ถ้าคุณอยากจะประสบความสำเร็จ


แบบ:
OOWWO
ความหมาย:
คุณเป็นคนน่าซื่อตรงและน่าเชื่อถือมาก คุณแทบไม่มีแรงกระตุ้นที่จะร่ำรวยหรืออยากได้ทรัพย์สมบัติเลย แต่ระวังเอาไว้ ถ้าคุณไม่รู้จักดูแลตัวเอง คุณอาจจะถูกหลอกและถูกผู้อื่นเอาเปรียบได้ง่ายๆ


แบบ:
WOOOW
ความหมาย:
คุณเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาและเข้าหาผู้อื่นอย่างเปิดเผย คุณมีความเด็ดเดี่ยวและขี้เล่น แต่คุณก็อาจจะทำให้คนอื่นไม่พอใจได้ง่ายๆ ถึงอย่างไรคุณก็ยังโชคดีเพราะเมื่อคุณถึงวัยกลางคน คุณจะขึ้นไปสู่สถานะที่โดดเด่น และโชคของคุณจะเปลี่ยนไปเป็นดียิ่งขึ้นไปอีก


แบบ:
WOWOO
ความหมาย:
คุณเป็นคนที่ชอบเข้าสังคมมากและคุณชอบใช้ชีวิตอิสระ ออกไปเที่ยว ปาร์ตี้ และงานสังสรรค์ เมื่อคุณเข้าสู่วัยกลางคน คุณจะได้อาศัยความช่วยเหลือสนับสนุนของผู้อื่น แต่คำเตือนก็คือ ถ้าคุณไม่เตรียมตัวไว้ให้ดี คุณอาจจะต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในวันข้างหน้า


แบบ:
OOOWO
ความหมาย:
คุณมีทักษะทางด้านสังคมที่ดี คุณจึงมักจะได้รับคำชี้แนะและการช่วยเหลือจากผู้มีอิทธิพล ผู้คนมากมายจะช่วยให้คุณก้าวขึ้นมามีความโดดเด่น และโชคของคุณจะยอดเยี่ยมในปีหลังๆ

 



See all the ways you can stay connected to friends and family