วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Fwd: Amway ดีจริงหรือ ???

---------- Forwarded message ----------
From: หนาว สาย ลม ห่ม ไ ¸­ หมอก <pihtaran_m...@hotmail.com>
Date: Aug 11, 4:20 pm
Subject: Amway ดีจริงหรือ ???
To: [Room69Club]®


GreenPrice : จำหน่าย กระเป๋าโน๊ตบุ๊ค, Soft case, ซองใส่มือถือ, ซองใส่
MP3, ซองใส่กล้อง

1 . แอมเวย์มีสมาชิก...ที่ยังคงอยู่ ประมาณ 7-8 แสนคน
(แต่ไม่ต่อสมาชิกแล้วประมาณ 1 เท่าตัว )ซึ่งดูจากหมายเลขสมาชิกปัจจุบัน
น่าจะประมาณ 2 ล้านกว่า ๆโดยแอมเวย์ เก็บเงินค่าสมาชิกปีละ 900 บาท
เมื่อคูณด้วยจำนวนสมาชิกราว ๆ 7 แสนคน ก็หมายความว่า แอมเวย์ได้เงิน
"ค่าสมาชิก"ไปแล้วประมาณ 600 ล้านบาท การที่แอมเวย์ซื้อพันธบัตรรัฐบาลแค่
1 ล้าน กับ
จ่ายเงินให้กองทุนต่าง ๆ เพื่อเอารูปมาลงเป็นการโฆษณา "ความดีงาม"
ของตนเองสัก 80 ล้าน(จริง ๆ แล้วไม่ถึง 50 ล้าน)
จึงถือว่าจิ๊บจ๊อยมากเมื่อเทียบกับ "เงินกินเปล่า" ที่เก็บไป

2. แอมเวย์ใช้วัสดุรีไซเคิลมาทำเป็นบห่อ เช่น ขวดต่าง ๆ
หรือหลอดยาสีฟันก็ไม่ได้หมายความว่า แอมเวย์ช่วยกำจัดขยะหรือลดขยะ
เนื่องจากพัสดุบห่อนั้น ๆ "มาจากอเมริกา" หรือหมายความว่า
แอมเวย์ช่วยกำจัดขยะ "จากอเมริกา" ไปไว้ที่ต่าง ๆ ในโลก
แอมเวย์ไม่มีโรงงานทำบรรจุภัณฑ์ หรือสั่งซื้อบห่อในประเทศอื่นครับ

3. แอมเวย์มักบอกว่าตัวเอง
"ไม่มีโฆษณา"เพื่อลดต้นทุนส่วนที่ไม่จำเป็นให้ผู้ซื้อ แล้ว
รูปสาวหน้าหมวย ๆ
บีบยาสีฟันครึ่งหน้าของหนังสือพิมพ์หลายฉบับหลายวัน...แปลว่าอะไร โฆษณาใน
TV...แปลว่าอะไรล่ะครับ

4. การโฆษณาของแอมเวย์เป็นซอฟท์เซลล์
สร้างความรู้สึกว่าคนใช้แอมเวย์เป็นคนประหยัด...เช่นซื้อรองเท้าเผื่อให้ลูก
1 เบอร์ เลือกเสื้อผ้าตัวใหญ่ ๆ
ฯลฯ ...อยากถามว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็น"เฉพาะ"ผู้ใช้แอมเวย์หรือครับ
อันที่จริงคนไทยเราก็ทำอย่างนี้มานานตั้งแต่ก่อนแอมเวย์เข้ามาเมืองไทยเสีย
อีก เช่น เราใช้ยาสีฟันจนหยดสุดท้าย
(แม้แต่แปรงสีฟันยี่ห้อนึงยังออกแบบมาให้ใช้ "รีด"
ยาสีฟันได้เสียด้วยซ้ำ...ซึ่งแปรงสีฟันยี่ห้อนั้นก็ไม่ใช่ของแอมเวย์)...อันนี้อยากถามว่าแอมเวย์
"ฉกฉวย"
วัฒนธรรมที่มีอยู่ก่อนเก่าไปเป็นของตัวเองรึเปล่า...ไม่มีปัญญาสร้างสรรความคิดใหม่
ๆ จาก"แอมเวย์" เองบ้างรึไง ?

5. จำนวน "ผู้ประสบความสำเร็จ" คือตั้งแต่ระดับ DD
ขึ้นไปในเมืองไทยมีกี่คน เอ้า...ผมให้ว่ามี 5 หมื่น
(ซึ่งจริงแล้วผมรู้ว่ามีไม่ถึงหรอก) 5 หมื่นคน ใน 2 ล้านคน
เป็นกี่เปอร์เซนต์ครับ คุณลองเทียบร้อยละหรือปัญญัติไตรยางศ์ดูได้เลยว่า
ธุรกิจที่มีคนประสบความสำเร็จแค่ 2-3
เปอร์เซนต์น่ะ...ช่างน่าช่วยกันพัฒนาให้ "สวยงาม" ในประเทศชาตินักนี่ครับ

6. การจะเป็น DD ได้คุณต้องขายของได้เป้า 150000 PV ใน 6 เดือน
เป็นการขายให้ได้เป้าติดกัน 3 เดือน (performanced)
ซึ่งหมายถึงว่าคุณต้องขายของให้แอมเวย์ประมาณ 2แสนบาท
(รวมทั้งให้สายงานของคุณขายด้วยนั่นล่ะ) ต่อเดือน
แปลว่าคุณต้องขายของได้อย่างต่ำ 1 ล้าน 2 แสนบาท ใน 1 ปี
(ซึ่งปกติแล้ว...มากกว่านั้น) ...ถ้าคุณมีเซลล์ขายของให้ได้ 1
ล้านกว่าบาทแบบไม่เอาเงินเดือน 1 ปี.. เขาควรจะได้คอมมิสชั่นกว่าแสนบาท
โดยในปีต่อ ๆไปเขาก็ขายให้ได้บ้าง...ไม่ได้บ้างเนื่องจากเขามี
"ลูกค้าเก่า ๆ" สำหรับกิจการของคุณ ทำไมคุณไม่ควรตอบแทนอะไรให้เขาบ้างล่ะ
ซึ่ง แอมเวย์ก็ให้...ผมรู้ เขาให้เงินเดือน เดือนละประมาณ 18000
บาทกับคุณ โดยที่คุณต้องเอาเงินนั้นจ่ายค่าน้ำมันรถของคุณเอง
จ่ายค่าอบรมสัมมนาเอง (และยังต้องจ่าย "พิเศษ" มากกว่าคนที่ยังไม่เป็น
DD ) ด้วยเพื่อเลี้ยง "สายงาน" ฯลฯ
ค่าใช้จ่ายเหล่านี้...คุณยอมจ่ายง่ายจังเลยนะ
ถ้าคนที่มีปัญญาขายของได้มากกว่าปีละ 1 ล้านบาท
เอาเงินโบนัสหรือคอมมิสชั่นที่ได้เก็บไว้ทำเป็นทุน (ไม่ใช่หนี้)
แล้วทำกิจการเอง...เขาอาจจะมี "ตัวตน"
มากกว่าต้องไปหลบอยู่หลังเงาทมึนของแอมเวย์...ทั้งตระกูล...ก็ได้

7. เจลอาบน้ำ ซึ่งมักเอามาเปรียบเทียบกับ "ครีมอาบน้ำ" ของ LUX
แล้วพบความแตกต่างว่า...ครีมอาบน้ำของ LUX เกิดชั้นไขมัน
หรือแตกตัวให้กลิ่นแอมโมเนีย เมื่อผสมกับสบู่
ความเป็นจริงแล้วก็คือ...เจลอาบน้ำ ไม่ใช้สบู่อาบน้ำหรือ ครีมอาบน้ำ
สารตั้งต้นที่ใช้ผลิตต่างกันและวัตถุประสงค์ก็ต่างกันถ้าเอา "เจลอาบน้ำ"
ยี่ห้ออื่นมาทดลอง...ก็เหมือนกับแอมเวย์นั่นล่ะ
(แต่ราคาถูกกว่า) ในขณะเดียวกันถ้าเอา "สบู่" ของแอมเวย์มาละลายน้ำผสมกับ
"เกลือ"(แอมเวย์ใช้แทนเหงื่อ...แต่ใช้ในอัตราเข้มข้นกว่าความเค็มของเหงื่อจริง
ๆ หลายเท่า) ครับ แล้วทดลอง...ก็ให้ผลแบบเดียวกับ
LUX ...เรื่องนี้มีข้อขัดแย้งในตัวด้วยครับ
เพราะเหงื่อที่คนเราขับออกมาจากร่างกายไม่ได้มีแต่เพียงเหงื่ออย่างเดียว
โดยเฉพาะ คุณผู้หญิงด้วยแล้ว เหงื่อที่ขับออกมามี
"ไขมัน"มากกว่าซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นตัว "เปรี้ยวๆ"
อันเกิดจากการทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับอากาศและการย่อยของแบคทีเรียบริเวณผิวหนัง
กับ "กรดไขมัน" ที่ร่างกายขับออกมาพร้อมเหงื่อ
คนไทยมีเหงื่อมากครับ...ซึ่งก็เป็นปกติ ส่วนการใช้เจลอาบน้ำ
เหมาะกับคนที่อยู่ในพื้นที่ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำเช่น
ในเขตภูมิอากาศอบอุ่นหรืออากาศหนาว (และอยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน)
เพราะเค้าต้องรักษาความชื้นที่ผิวหนังและปกติเค้าก็ไม่ค่อยมีเหงื่อครับ

8. ยาสีฟันกลิสเตอร์ "ข้นกว่า" และไม่มีสารขัดฟันหยาบ ๆ เมื่อเทียบกับ
"พาโรดอนแท็กส์" เพราะ ว่ายาสีฟัน กลิสเตอร์เป็น "ครีมทำความสะอาด"
ไม่ใช่ยา "สี(ขัดสี)ฟัน"ความข้นในตัวมันเองเกิดจากมวลสารที่มีขนาดเล็ก ๆ
ซึ่งไม่แยกตัวง่าย ๆ
เมื่อมีการให้พลังงานเข้าไปเฉกเช่นยาสีฟันที่ใช้
"สารขัดฟัน"เป็นหลักแล้วใช้โมเลกุลอื่น ๆ
ที่เล็กกว่าเป็นตัวยึดเหนี่ยวหรือผสมผสานยาสีฟันกลิสเตอร์มักพูดถึงความเข้มข้น
(ซึ่งความจริงแล้วคือ "การไม่แยกตัว") โดยทำเป็นลืม ๆ เรื่องคุณภาพการ
"ขัดฟัน"
โดยโยนให้เป็นเรื่องของแปรงกับวิธีการสีฟันของผู้ใช้แทน

9. น้ำยาล้างจาน LOC ยาสระผม ...ฯลฯ
ของแอมเวย์ใช้สารตั้งต้นในหมู่อนุพันธ์" Loreth sulfate "(คนไทยเรียก
"หัวแชมพู") ซึ่งเป็นสารเคมีราคาถูก ๆ
และกำลังอยู่ในขั้นวิจัยว่าเป็นส่วนก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง
ซึ่งแชมพูสระผมในเมืองไทยหลายยี่ห้อเลิกใช้ไปแล้ว

10. เครื่องกรองน้ำของแอมเวย์ แพงกว่าเครื่องกรองน้ำที่มีขายในเมืองไทย 2
เท่าโดยค่าอะหลั่ยก็แพงกว่า 3-4 เท่า
แอมเวย์มักเอาเครื่องกรองน้ำของตนเปรียบเทียบกับสินค้าคุณภาพต่ำกว่า หรือ
"ไม่ตรงจุดประสงค์" ของผู้ออกแบบ เช่นเอาสารกรองซึ่งก็คือ
activated carbon ไปเปรียบเทียบกับ resin ทั้ง ๆ ที่ resin
มีไว้เพื่อกำจัดความกระด้างของน้ำ
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าที่คุณภาพสูงกว่า (และราคาถูกกว่า) เช่น
เครื่องกรองน้ำระบบ RO ก็อ้างว่าน้ำจากระบบ RO" กรองทุกอย่างออกไปหมด"
แม้แต่ "สารที่มีประโยชน์" โดยแอมเวย์ไม่ได้บอกว่า "สารที่มีประโยชน์"
ที่เครื่องกรองน้ำแอมเวย์ กรองไว้ไม่ได้มีอะไรบ้าง
ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว...เครื่องกรองน้ำ แอมเวย์มีเพียงการกรอง 3 ขั้น
ขั้นแรกเป็นการกรองแบบเลวมาก ๆ ด้วยชั้นกรอง PP บางจ๋อย
จนเทียบกับไส้กรอง PP หรือไส้กรองเซรามิก ในท้องตลาดไม่ได้
ขั้นที่สองเป็นความภูมิใจของแอมเวย์และมักพูดกับผู้ซื้อราวกับแอมเวย์เท่านั้นที่
ทำสิ่งนี้ (ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วมีการคิดค้น-
ใช้งานก่อนแอมเวย์ทำเครื่องกรองน้ำเองหลายปี) คือ Activated carbon
แต่เมื่อเทียบกับไส้กรอง AC
ในท้องตลาดแบบมาตรฐาน...ซึ่งใช้กันทั่วไปแม้ในอเมริกา (ของกันนั่นล่ะ)
จะพบว่าราคาของแอมเวย์แพงกว่า 3
เท่าตัวจนท่านสามารถซึ้อของยี่ห้ออื่นมาต่อ แบบอนุกรมได้ 2
เท่า...ซึ่งให้คุณภาพการกรองดีกว่า...ในราคาที่ต่ำกว่า ขั้นที่ 3
การกำจัดเชื้อ หรือระบบ Ultra violet
สินค้าของแอมเวย์เป็นหลอดรังสีที่ให้ค่า Lux ต่ำกว่าของที่ขายยี่ห้ออื่น
ๆ ...แต่อ้างว่าออกแบบให้มีการหมุนวนภายในระบบเพื่อเพิ่มระยะเวลา
retaintion time ) ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วค่าเวลาดังกล่าว
วัดจาก"อัตราการไหล" ที่ Input -Output เนื่องจากทางวิศวกรรมถือว่าเป็น "
ระบบปิด" แล้วจึงวัดที่ขนาดของระบบ
V= Q / A แม้ว่าภายในระบบจะจัดให้น้ำหมุนวนเป็น "กระแส"
อย่างไรก็ตามถ้าลำของกระแสนั้นเล็กมาก ( A ต่ำ ) V หรือความเร็วในการไหล
ก็จะสูงขึ้น เพราะ Q หรืออัตรา น้ำก็เท่า ๆ กัน
ดังนั้นทำไมไม่เลือกตัวจ่ายรังสีที่เฉียบขาดกว่าในการฆ่าเชื้อล่ะ ? ...ถ้าแอมเวย์จะอ้างว่ารังสีมากก็อันตรายมาก...ก็พาไปหา
"สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค"ได้เลย
เพราะขนาดของรังสีที่ใช้ในสินค้ายี่ห้ออื่นก็ผ่านมาตรฐานทั้งนั้น
(มักเป็นสินค้ากัน...เช่นเดียวกัน)
นอกจากนั้นแล้ว...เครื่องกรองน้ำของแอมเวย์ก็ใช้กรองน้ำบาดาลหรือน้ำกร่อยไม่ได้ครับ...ใช้ได้แต่การกรองน้ำประปาที่ปกติก็ดื่มได้อยู่แล้ว...เท่านั้น

11. เครื่องฟอกอากาศของแอมเวย์ "แพงมาก ๆ" ราคาเท่ารถมอเตอร์ไซค์ 1
คันหรือแพงกว่า เครื่องปรับ อากาศขนาด 1 ตัน 2 เท่า
ทั้งที่ระบบการกรองเป็นแบบ 3 ขั้นตอนที่ไม่มีเทคโนโลยี่อะไรมากมาย
คือกรองหยาบด้วยตะแกรง กำจัดกลิ่นด้วย Activated carbon และดัก mist
ด้วยไส้กรอง เฮพปา ตัวนี้ในเมืองไทยยังผลิตเองไม่ได้ แต่นำเข้ามาตัด
พับได้ เช่น ของ 3M) ในท้องตลาดมีสินค้าที่ มีระบบ เช่นเดียวกันนี้ 2-3
ยี่ห้อ โดยราคาถูกกว่า 8-10 เท่า แม้ว่ามีอัตราการไหลผ่าน (ขนาด)
เล็กกว่า ก็เล็กกว่าไม่ถึง 3 เท่า ดังนั้น...ซื้อตัวเล็ก ๆ สัก 3
ตัวก็ยังถูกตังค์กว่าเยอะปกติแล้วระบบฟอกอากาศที่ใช้กันทั่วไป
มักเป็นระบบที่ใช้ไฟฟ้าสถิตย์
(ความเป็นจริงคือการใช้สนามไฟฟ้าในการดีดแล้วจับฝุ่นละออง) ซึ่งเราสามารถ
"ถอดล้างทำความสะอาด" ได้ ไม่ต้องซื้อใหม่กันตะบี้ตะบัน
คุณภาพการกำจัดฝุ่นของระบบ "EP" อยู่ที่ประมาณ 90 % ( ส่วนแฮพปา อยู่ที่
95 % ) โดยวัดที่ "ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำกว่าความชื้นสัมพัทธ์ในเมืองไทย"
และระบบแฮพปานั้นจะมีปัญหาทันทีถ้าความชื้นสัมพัทธ์สูงๆ ...ซึ่งก็หมายความ
ว่าเครื่องฟอกอากาศของ แอมเวย์ใช้ได้เฉพาะในห้องแอร์
(เพื่อคงไว้ซึ่งคุณภาพตามคำบรรยาย) ...เท่านั้นครับ

12. เรื่องผงซักฟอก SA8 ของแอมเวย์ที่อ้างถึง "การรักษาสภาพแวดล้อม"
เนื่องจากย่อยสลายได้... ผงซักฟอกทุกชนิด -
ทุกยี่ห้อที่ขายในเมืองไทยต้องไม่ผสมสารที่ก่อให้เกิดฟอสเฟตในอัตราที่เป็นอันตรายครับ
เนื่องจากผงซักฟอกเป็น "มาตรฐานบังคับ"
ของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ( สมอ.)
การกล่าวอ้างว่าผงซักฟอกอื่น "ทำลาย"
สิ่งแวดล้อมจึงเป็นการสบประมาทเจ้าหน้าที่ ( หรือกฎหมายของบ้านเมือง )
ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ( มาตรฐาน "บังคับ"เป็นมาตรฐานที่
"ต้อง" ทำให้ได้ ถ้าจะขายสินค้านั้น
ๆ )...ถ้าพบใครพูดเช่นนั้นหรือทำนองนั้น...ก็บอกเค้าด้วยว่า...อาจเข้าข่ายหมิ่นประมาทครับ
( จำคุก 1- 3 ปี...ถ้าผมจำไม่ผิด )

-วิทยากรของทางแอมเวย์ส่วนใหญ่ล้วน
สร้างประวัติของตนเท็จเพื่อสร้างความเชื่อมั่น
และแรงจูงใจแก่ผู้ร่วมงานด้วยกัน (ไม่เชื่อลองไปเช็คดูได้)

-ส่วนคนที่รักแอมเวย์ ก็คล้ายๆคนโดนซื้อสิทธิ์ละครับ ได้ผลประโยชน์ได้
จากเขามา แล้วก็ทำเป็นรักเขาโดยไม่มองภาพรวม
อีกอย่าง แอมเวย์เป็น จิตวิทยาที่ซับซ้อน
คนที่ไม่ประสบความสำเร็จในสังคมปกติ+ มีปัญหาอะไรบางอย่างทางด้านพื้นฐาน
จะเป็นเหยื่อได้ง่ายมาก

 ตอนนี้แอมเวย์รุกกลุ่มใหม่แล้วคือนักศึกษา
 เหล่าคนที่อยากรวยแต่ไม่อยากทำอะไร+ไร้ประสบการณ์
เป็น ขุมวัตถุดิบชั้นยอดของมันเลย
แอมเวย์บางคน เกลี้ยกล่อม คนที่กำลังเขวว่า อย่าไปสนกระแสสังคม
มันหมายความว่าไง   คือคนที่ ข้ามจุดๆนึงไป
(เราเคยยืนจุดนั่นมาแล้วแต่ไม่ได้ข้าม) จะมีทัศนะคติที่ต่างไป ดังนี้
  ในขั้นแรกที่สมัคร เขาจะบอกว่า ไม่ต้องเดินขาย ไม่ต้องง้อใคร
อยู่ๆก็ได้เงินเองแค่สร้างเครือข่าย
หลังจากนั้น ก็จะพาเราไปอบรม จากวิทยากร + พบสังคมของเขา วันๆก็มีแต่
แอมเวย์ๆ โดยคนพาไป จะกระตุ้นตลอด
พอ อบรมไประยะ ก็จะเกิดอารมณ์อยากทำ เห็นทางสว่าง เริ่มฝัน
ทั้งๆที่ลืมตัวไป ว่าเราไปขาย+ชักจูงเสียแล้ว
พอทำไป ระยะนึง ก็จะถึงจุดสำคัญ คือ ความคิดที่ว่า
จะเอาต่อเป็นมนุษย์แอมเวย์ที่รวยแต่คนทั่วไปเจอแล้วรังเกียจ
(เจ้าตัวไม่แคร์)
หรือ จะกลับไปเป็น มนุษย์ในสังคมปกติ
   ในระยะนี้ จะมีการเสริมแรง ยุยง สาระพัด ทั้ง CD เทป หนังสือ
อบรมต่างๆนาๆ

   สื่อเหล่านี้ล้วนนำนักจิตวิทยา
มาพูดเพื่อให้เข้าถึงส่วนลึกของสมองหรือที่เรียกได้ว่าสะกดจิตนั่นเอง!!!...จบ

_________________________________________________________________
Windows Live™: Keep your life in sync.http://windowslive.com/explore?
ocid=PID23384::T:WLMTAGL:ON:WL:en-US:N.
..

ไม่มีความคิดเห็น: