วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

พึ่งพระพุทธเจ้าสู้พึ่งพระเจ้าไม่ได้

พึ่งพระพุทธเจ้าสู้ พึ่งพระเจ้าไม่ได้ เพราะพระพุทธเจ้าดับไปแล้ว แต่พระเจ้ายังอยู่ให้พึ่งและการพึ่งเทวดาย่อมดีกว่าพึ่งมนุษย์ข้อนี้ ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร?
เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความซาบซึ้งของการยอมรับถึงคุณค่าของสิ่งที่ตนยึดถือพอ ใจ เหมือนกับเพลงที่ร้องกัน ความว่า "ขี่รถเก๋งแสนสบาย อีกคนคนบอกว่าแพ้ควายแท้เทียว เพราะไม่หวาดเสียวเหมือนขี่รถ"
เรื่องการพึ่งพระเจ้ากับพระพุทธเจ้าก็เช่นเดียวกัน ใครเห็นคุณค่าของใครมากกว่าก็ ย่อมกล่าวว่าฝ่ายนั้นดีกว่า นอกจากคนมีความรู้สึกว่า


"ขี่ควายขี่เก๋งก็เหมือนกัน เพราะพระจันทร์ดวงเดียวกัน"
ใครจะถือพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งหรือจะถือพระเจ้าเป็นที่พึ่งก็ตาม ย่อมได้ชื่อว่า เป็นคนมีศาสนาเป็นหลักใจในการดำรงชีวิตเช่นเดียวกัน เมื่อเกิดการยอมรับในประเด็นนี้ได้แล้วการอ้างพึ่งใครดีกว่าใครก็ไม่จำเป็น เพราะต่างคนต่างยึดมั่นในแนวทางของตน ทำให้ตนเป็นศาสนิกที่ดีในศาสนานั้นๆ ก็จะได้รับผลตามควรแก่การปฏิบัติตามหลักในศาสนานั้นๆ
แต่ถ้าเราจะพูดกันตามหลักความเป็นจริงแล้วทั้งพระพุทธเจ้าและพระเจ้าได้แสดงฐานะของตนเองออกมาอย่างเปิดเผยที่สุด คือ
"จงช่วยตนเองก่อน แล้วพระเจ้าจะช่วยเจ้า"
นี่คือหลักในศาสนาที่นับถือพระเจ้า
"ความเพียรพยายาม อันเธอทั้งหลายพึงทำเอง ตถาคต เป็นเพียงผู้บอกให้เท่านั้น"
นี่คือหลักในศาสนาพุทธ
จากข้อความเหล่านี้เป็นการแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าก็ดีพระพุทธเจ้าก็ดีทำ หน้าที่ชี้แจง แสดงทางถูกทางผิดให้คนได้พิจารณาเอาเท่านั้น หาได้มีอำนาจในการดลบันดาลให้ใครๆเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ตามที่ตนต้องการได้ ไม่ ด้วยอำนาจพระมหากรุณาที่พระพุทธเจ้าและพระเจ้ามีอยู่นั้นหากท่านมีอำนาจใน การดลบันดาลแล้วท่านคงบันดาลให้คนพ้นทุกข์กันหมดแล้ว โดยเฉพาะพระพุทธเจ้าเองหากดลบันดาลได้ก็ไม่ต้องลำบากพระวรกายเที่ยวสั่งสอน คนอยู่ถึง ๔๕ปี หรอกดลบันดาลกันประเดี๋ยวเดียวก็เป็นสุขกันหมดโลกแล้ว แต่งานของพระพุทธเจ้าเป็นงานที่ทรงทำเพียง
ชี้ทางบรรเทาทุกข์ และชี้สุขเกษมศานต์
ชี้ทางพระนฤพาน อันพ้นโศกวิโยคภัย
ใครจะถือใครเป็นที่พึ่งก็ตามควรจะทราบเงื่อนไขในการพึ่งว่าท่านที่เรายึด เป็นที่พึ่งนั้นจะสามารถช่วยเราได้ในขอบข่ายแค่ไหนเพียงไร ไม่ใช่ว่าพอถือใครเป็นที่พึ่งแล้วตนเอง ไม่ต้องการทำอะไรเลยทุกอย่างขึ้นอยู่กับท่านผู้เป็นที่พึ่งของเราทั้งหมด ไม่มีที่พึ่งเช่นนั้น ในโลกนี้ไม่ว่าในศาสนาใดก็ตาม
คนที่พึ่งคนอื่นและทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับคนที่ตนพึ่งทั้งหมดนั้นหากจะมีก็ มีเพียง คนปัญญาอ่อน คนพิการทางร่างกายทางสมองเท่านั้นที่ช่วยตนเองไม่ได้ ส่วนคนปกติธรรมดาแล้วอย่าไปคิดหวังที่พึ่งเช่นนั้นเลย เพราะจะเสียเวลาและตายเปล่าโดยไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา
เมื่อพระเจ้า พระพุทธเจ้าทรงเป็นที่พึ่งได้โดยฐานะดังกล่าว ปัญหาเรื่องที่พึ่งจึงมีความเกี่ยวข้องอย่างสำคัญกับคนที่ถือพระเจ้าพระ พุทธเจ้าเป็นที่พึ่งว่า
"ศาสนิกในศาสนาเหล่านั้นจะสามารถเอาคำสอนในศาสนาของตนมาลงมือปฏิบัติจน สามารถพัฒนาจิตใจ ความระพฤติ และขจัดทุกข์ ได้รับความสุขอันเกิดจากการปฏิบัติตามคำสอนเหล่านั้นมากน้อยแค่ไหนเพียงไร"
การถือพระพุทธเจ้าได้อย่างสมบูรณ์นั้นทำให้คนได้บรรลุมรรค ผลนิพพานอันเป็นการดับกิเลสและความทุกข์ได้ทั้งหมด
การถือพระเจ้าเป็นที่พึ่งคือการเข้าร่วมกับพระเจ้าตลอดนิรันดร ใครเห็นว่าอะไรดีกว่าก็เลือกเอาโดยไม่จำเป็นว่าจะต้องไปตำหนิคนอื่นหรือยกตน ข่มท่าน
เมื่อทำได้เช่นนี้เอกภาพระหว่างคนนับถือศาสนาต่างๆก็จะเกิดขึ้นได้โดยไม่จำ เป็นจะต้องนับถือศาสนาเดียวกันหรือมีพระเจ้าองค์เดียวกัน
ส่วนที่ว่า "พึ่งเทวดาย่อมดีกว่าพึ่งมนุษย์" นั้นข้อนี้เป็นเรื่องของความสมัครใจที่บุคคลนั้นๆเลือกเอาเองเช่นเดียวกัน แต่ที่ไม่ควรลืมคือเทวดากับมนุษย์นั้นมี กิเลส โลภ โกรธ หลงเหมือนกัน แต่มีชาติกำเนิดแตกต่างกันเหมือนคนไทยกับคนต่างชาติ ฉะนั้นการถือว่า พึ่งเทวดาดีกว่าพึ่งมนุษย์นั้นได้แสดงออกมาให้เห็นตามสมควรว่าคนไม่น้อยมี ความฝังใจในเรื่องนี้มากพอสมควร เช่น
- การเที่ยวอ้อนวอนบวงสรวงเทวดา เพื่อให้ดลบันดาลให้ตนได้อย่างนั้นอย่างนี้ ขอหวย ขอเบอร์กันจนขาดการตั้งใจทำมาหากิน บางรายร้ายแรงจนต้องขายทรัพย์สิน เพราะไปหวังพึ่งเทวดากัน เทวดาพึ่งได้จริงหรือไม่ก็น่าจะรู้ ๆกัน อยู่แล้ว
- เกิดการดูหมิ่นตนเอง ไม่เชื่อความสามารถวิชาความรู้ของตนทำอะไรไม่ค่อยใช้สติปัญญา แต่ต้องการพึ่งอำนาจภายนอกมีเทวดาเป็นต้น ความยากจนความตกต่ำในด้านฐานะวิชาความรู้ก็ตามมา คนชาติใดก็ตามที่ไม่หวังพึ่งอำนาจภายนอกมากเกินไปแต่อาศัยเหตุผลสติปัญญา เป็นหลักในการดำรงชีวิต ความเจริญในด้านต่างๆก็จะเกิดขึ้นได้ จนป่านนี้แล้วคนในบ้านเมืองของเราบางพวกยังหลงมอบความเป็นอยู่ของตนให้ขึ้น อยู่กับการดลบันดาลของอำนาจภายนอกแล้วจะโทษใครกันเล่า?
-เทวดานั้นแม้แต่ศาลจะอยู่ก็ต้องให้คนสร้าง ให้หากอำนาจในการช่วยเหลือ
มีจริงเทวดา ก็คงไม่เก่งเกินพระเจ้าคือ จะช่วยได้เฉพาะแก่คนที่ช่วยตัวเองก่อนแล้วเท่านั้น
มีเรื่องเทพารักษ์กล่าวกับคนขับเกวียนผู้อ้อนวอนให้เทวดาช่วย เมื่อล้อเกวียนตกหลุมลึก วัวลากไปไม่ไหวที่ว่า
"เจ้าจงเอาบ่าแบกลูกล้อ แล้วเฆี่ยนวัวให้เดินลูกล้อก็จะเคลื่อนที่พ้นจากหลุมได้ การที่ร้องโวยวายไปเสียก่อนโดยยังไม่ได้ทดลองกำลังของตนใครเล่าจะช่วยเจ้า ได้"
คำกล่าวนี้ย่อมเป็นตัวอย่างอันดีของคนหวังพึ่งอำนาจภายนอกเพียงอย่างเดียว โดยตน ไม่ต้องลงทุนใช้ความเพียรพยายามแต่ประการใด คนเรานั้นหากอยู่ในสภาพดังกล่าวแล้ว ไม่ว่าจะถือพระพุทธเจ้า พระเจ้า เทวดา หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างอื่นก็ไปไม่รอดเสมอกันทั้งนั้นแหละ

วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

FW: บางเรื่องของในหลวงที่คุณยังไม่รู้


 

From: ying_c2@hotmail.com
To: isles_style@live.com
Subject: FW: บางเรื่องของในหลวงที่คุณยังไม่รู้
Date: Fri, 13 Nov 2009 03:09:32 +0000


 

From: koyo_559@hotmail.com
To: aaaa.yyy@hotmail.com; aodluky@hotmail.com; aomhaveadream@hotmail.com; budsaba_1@hotmail.com; chet.50@hotmail.com; doh_road_kk@hotmail.com; hasan_gaziantepli@hotmail.com; jakkrit_05@hotmail.com; jirapo-k@hotmail.com; joy_lika@hotmail.com; jugkrit-sit@hotmail.com; kaekai_sup@hotmail.com; kasee6@hotmail.com; ko-95@hotmail.com; niran_suk@hotmail.com; nittaya.akarudech@hotmail.com; opart.g@hotmail.com; p_pinokio@hotmail.com; partypca@hotmail.com; pitchakhun@hotmail.com; samloveging@hotmail.com; sukanda_ole@hotmail.com; supat32_j@hotmail.com; super__ice@hotmail.com; suwanw94@hotmail.com; takky1980@hotmail.com; teathink@hotmail.com; thanthai-08@hotmail.com; view_station@hotmail.com; wit_soi_4@hotmail.com; ying_c2@hotmail.com; yoay@hotmail.com
Subject: FW: บางเรื่องของในหลวงที่คุณยังไม่รู้
Date: Wed, 11 Nov 2009 20:36:37 +0700


 

From: aa.aa2522@windowslive.com
To: ae.pang@hotmail.com; arm_arm2425@hotmail.com; denturemp@hotmail.com; koyo_559@hotmail.com; janny_11111@hotmail.com; late_jung@hotmail.com; lier_any@hotmail.com; mai_jaeng@hotmail.com; my.butterfly.1981@hotmail.com; nato_pkt@hotmail.com; new_time17@windowslive.com; pang_volvo@hotmail.com; qwertyuiop-55@hotmail.com; rainbow_sk25@hotmail.com; saocmu_payap@hotmail.com; saw.na.rak@hotmail.com; ss_visa@hotmail.com
Subject: FW: บางเรื่องของในหลวงที่คุณยังไม่รู้
Date: Sun, 8 Nov 2009 19:32:00 +0700


 

From: nut-toy_post@hotmail.com
To: atlast2009@hotmail.com; aum_ja5@hotmail.com; imsabai_9@hotmail.com; nok_j1628@hotmail.com; nongnan_da@hotmail.com; notty_r@hotmail.com; mampanporn@hotmail.com; pet.969@hotmail.com; pimpanpanyakavin@hotmail.com; ak_aoy@hotmail.com; rattana_pc@hotmail.com; saocmu_payap@hotmail.com; tikaza4@windowslive.com; todaymorning@hotmail.com; trrlk_web@hotmail.com; zss_013@hotmail.com; nutto_pum@hotmail.com; la_salle_1@hotmail.com; aa.aa2522@windowslive.com
Subject: FW: บางเรื่องของในหลวงที่คุณยังไม่รู้
Date: Tue, 6 Oct 2009 16:27:53 +0700

 

From: rockangel_am@hotmail.com
To: nut-toy_post@hotmail.com
Subject: FW: บางเรื่องของในหลวงที่คุณยังไม่รู้
Date: Tue, 29 Sep 2009 17:33:15 +0700
 
 


 
 


 


เรื่องของในหลวงที่เรา(อาจ)ไม่เคยรู้


1.ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45น.
2.นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์ ทรงมีน้ำหนักแรกประสูติ 6 ปอนด์
3.พระนาม 'ภูมิพล' ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7

 
4.พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภูมิพลอดุลยเดช

 
5.ทรงมีชื่อเล่น ว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก
6.ทรงเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี เพราะช่วงพระชนมายุ 5 พรรษา ทรงเคยเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ 1 ปี มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า 'H.H Bhummibol Mahidol'หมายเลขประจำตัว 449

 
7.ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือ สมเด็จย่า อย่างธรรมดาว่า 'แม่'
8.สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง
9.แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้ไปขาย เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่ม
10.สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่ นกขุนทอง ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง ครั้งหนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพอย่างใหญ่โต



11.สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยทรงพระเยาว์เป็นสุนัขไทย ทรงตั้งชื่อให้ว่า'บ๊อบบี้'

12.ทรงฉลองพระเนตร(แว่นสายตา)ตั้งแต่พระชันษายังไม่เต็ม 10 ขวบ เพราะครูประจำชั้นสังเกตเห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำพระองค์ต้องลุกขึ้นบ่อยๆ



13.สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจากันก่อนว่า โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะทรงต่อรองว่า 3 ที มากเกินไป 2 ทีพอแล้ว
14.ระหว่างประทับอยู่ สวิตเซอร์แลนด์นั้นระหว่างพี่น้องจะทรงใช้ภาษาฝรั่งเศส แต่จะใช้ภาษาไทยกับสมเด็จย่าเสมอ
15.ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก 'การให้' โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสินเรียกว่า 'กระป๋องคนจน' เอาไว้ หากทรงนำเงินไปทำกิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก 'เก็บภาษี' หยอดใส่กระปุกนี้ 10% ทุกสิ้นเดือนสมเด็จย่าจะเรียกประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินในกระป๋องนี้ไปทำอะไร เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน
16. ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน เพราะเพื่อนคนอื่นๆ เขามีจักรยานกัน สมเด็จย่าก็ตอบว่า 'ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ ได้มาก ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน'



17.กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวง คือ Coconet Midget ทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ เมื่อพระชนม์เพียง 8 พรรษา
18.ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทนรถพระที่นั่ง
19. พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก 'การเล่น' สมัยทรงพระเยาว์ เพราะหากอยากได้ของเล่นอะไรต้องทรงเก็บสตางค์ซื้อเอง หรือ ประดิษฐ์เอง ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับพระเชษฐา ซื้อชิ้นส่วนวิทยุทีละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบเองเป็นวิทยุ แล้วแบ่งกันฟัง
20.สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิประเทศของไทย โดยโปรดเกล้าฯให้โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่ประเทศไทยเป็นรูปตัวต่อ เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้ทรงเล่นเป็นจิ๊กซอว์

 
21.ในหลวงทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน แต่รู้หรือไม่ว่าเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงหัดเล่นคือ หีบเพลง (แอกคอร์เดียน)
22.ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษา ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองราคา 300 ฟรังก์มาหัดเล่น โดยใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้
23.ครูสอนดนตรีให้ในหลวง ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส
24.ทรงพระราชนิพนธ์พลงครั้งแรก เมื่อพระชนมพรรษา 18 พรรษา เพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ 'แสงเทียน' จนถึงปัจจุบันพระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด 48 เพลง
25.ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีช่วย อย่างครั้งหนึ่งทรงเกิดแรงบันดาลพระทัย ทรงฉวยซองจดหมายตีเส้น 5 เส้นแล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้นเดี๋ยวนั้น กลายเป็นเพลง 'เราสู้'
26. รู้ไหม...? ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร : เหมือนสมเด็จย่า และ รัชกาลที่5


27. นอกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่ายภาพยนตร์ด้วย ทรงเคยนำภาพยนตร์ส่วนพระองค์ออกฉายแล้วนำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภากาชาดไทย ที่ รพ.จุฬาฯ โรงพยาบาลภูมิพล รวมทั้งใช้ในโครงการโรคโ ปลิโอและโรคเรื้อนด้วย
28. ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง 'นายอินทร์' และ 'ติโต' ทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์ แล้วให้เสมียนพิมพ์ แต่ 'พระมหาชนก' ทรงพิมพ์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์

29. ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน สกี และ เรือใบ ทรงเคยได้เหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทอง(ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น'กีฬาซีเกมส์') ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ.2510
 

30. ครั้งหนึ่ง ทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับฝั่ง และตรัสกับผู้ที่คอยมาเฝ้าฯว่า เสด็จฯกลับเข้าฝั่งเพราะเรือแล่นไปโดนทุ่นเข้า ซึ่งในกติกาการแข่งเรือใบถือว่าฟาวส์ ทั้งๆที่ไม่มีใครเห็น แสดงให้เห็นว่าทรงยึดกติกามากแค่ไหน
31. ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรผลงานประดิษฐ ์คิดค้นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่มลอย หรือ 'กังหันชัยพัฒนา' เมื่อปี 2536


33. ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์,ดีโซฮอลล์ และ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว
34. องค์การสหประชาชาติ ได้ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ แด่ในหลวงเมื่อ วันที่ 26 พฤษภาคม 2549 เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย โดยมี นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมาถวายรางวัลด้วยตนเอง

35. พระนามเต็มของในหลวง : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรา มหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
36. รักแรกพบ ของในหลวงและหม่อมสิริกิติ์เกิดขึ้นที่สวิสเซอร์แลนด์ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯทรงให้สัมภาษณ์ว่า'น่าจะเป็น เกลียดแรกพบ มากกว่ารักแรกพบ เนื่องเพราะรับสั่งว่าจะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4 โมง แต่จริงๆแล้วเสด็จมาถึงหนึ่งทุ่ม ช้ากว่าเวลานัดหมายตั้งสามชั่วโมง

37. ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริ กิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2492 และจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่วังสระปทุม เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 โดยทรงจดทะเบียนสมรสเหมือนคนทั่วไป ข้อความในสมุดทะเบียนก็เหมือนคนทั่วไปทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ 10 สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท

37. หลังอภิเษกสมรส ทรง'ฮันนีมูน'ที่หัวหิน

38. ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2499 และประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา 15 วัน
39. ระหว่างทรงผนวช พระอุปัชฌาย์และพระพี่เลี้ยง คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
40. ของใช้ส่วนพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องแพงหรือต้องแบรนด์เนม ดังนั้นการถวายของให้ในหลวงจึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นของแพง อะไรที่มาจากน้ำใจจะทรงใช้ทั้งนั้น
41. เครื่องประดับ : ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยกเว้น นาฬิกา
42. พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว : ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพลเพื่อมอบแก่ทหาร อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้างวัตถุมงคล เพื่อมอบแก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ
43. หลอดยาสีพระทนต์ ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอด ยังปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด ซึ่งเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีด และ กดเป็นรอยบุ๋ม

44. วันที่ในหลวงเสียใจที่สุด คือวันที่สมเด็จย่าเสด็จสวรรคต มีหนังสือเล่าไว้ว่า วันนั้นในหลวงไปเฝ้า แม่ถึงตีสี่ตีห้า พอแม่หลับจึงเสด็จฯกลับ เมื่อถึงวัง ทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มาแจ้งว่า สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์แล้ว ในหลวงรีบกลับไปที่โรงพยาบาล เห็นแม่นอนหลับตาอยุ่บนเตียง ในหลวงคุกเข่าเข้าไปกราบที่อกแม่ ซบหน้านิ่งอยู่นาน ค่อยๆเงยพระพักตร์ขึ้นมาน้ำพระเนตรไหลนอง

45. โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนถึงปัจจุบนมีจำนวนกว่า 3,000 โครงการ
46. ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานต่างๆจะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ 3 สิ่ง คือ แผนที่ซึ่งทรงทำขึ้นเอง(ตัดต่อเอง ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป และดินสอที่มียางลบ

47.ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่างแม้กระทั่งการโรเนียวกระดาษที่จะนำมาให้ข้าราชการที่เข้าเฝ้าฯถวายงาน
48. เก็บร่ม : ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จฯเยี่ยมโครงการห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก ข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน เมื่อทรงเห็นดังนั้น จึงมีรับสั่งให้องครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการและราษฎรท่ามกลางสายฝน
49. ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน โดยใช้ข้อมูลที่กรมอุตุนิยมวิทยานำขึ้นทูลเกล้าฯ ร่วมกับข้อมูลจากต่างประเทศที่หามาเอง เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจก่อความเสียหายแก่ประชาชน
50. โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นขึ้นจากเงินส่วนพระองค์จำนวน 32,866.73บาท ซึ่งได้จากการขายหนังสือดนตรีที่พระเจนดุริยางค์ จากการขายนมวัว ก็ค่อยๆเติบโตเป็นโครงการพัฒนามาจนเป็นอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้

51. เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชมโครงการฯสวนจิตรลดา ในหลวงจะเสด็จฯลงมาอธิบายด้วยพระองค์เอง เนื่องจากทรงรู้ทุกรายละเอียด
52. ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามว่า เคยทรงเหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่ ในหลวงตอบว่า 'ความจริงมันน่าท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือบ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ
53. ทรงนึกถึงแต่ประชาชน แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรงกำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลังในอีก 5 ชั่วโมง (20 กรกฎาคม 2549) ยังทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้งคอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้ เพราะกำลังมีพายุเข้าประเทศ พระองค์จะได้มอนิเตอร์ เผื่อน้ำท่วมจะได้ช่วยเหลือทัน
54. อาหารทรงโปรด : โปรดผัดผักทุกชนิด เช่น ผัดคะน้า ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา
55. ผักที่ไม่โปรด : ผักชี ต้นหอม และตังฉ่าย
56. ทรงเสวย ข้าวกล้อง เป็นพระกระยาหารหลัก
57. ไม่เสวยปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกในประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำในพระตำหนักสวนจิตรลดาเป็นบ่อเลี้ยง แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง
58. เครื่องดื่มทรงโปรด : โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ เคยเสวยวันหนึ่งหลายครั้ง
59. ทีวีช่องโปรด ทรงโปรดข่าวช่องฝรั่งเศส ของยูบีซี เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก

60. ทรงฟัง จส.100 และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์ต่างๆใน กทม.ไปที ่ จส.100ด้วย โดยใช้พระนามแฝง
61. หนังสือที่ในหลวงอ่าน : ตอนเช้าตื่นบรรทม ในหลวงจะเปิดดูหนังสือพิมพ์รายวันทั้งไทยและเทศ ทุกฉบับ และก่อนเข้านอนจะทรงอ่านนิตยสารไทม์ส นิวสวีก เอเชียวีก ฯลฯ ที่มีข่าวทั่วทุกมุมโลก
62. ร้านตัดเสื้อของในหลวง คือ ร้านยูไลย เจ้าของชื่อ ยูไลย ลาภประเสริฐ ถวายงานตัดเสื้อในหลวงมาตั้งแต่ปี 2501 เมื่อนายยูไลยเสียชีวิต ก็มี ลูกชาย นายสมภพ ลาภประเสริฐ มาถวายงานต่อ จนถึงตอนนี้ก็เกือบ 50 ปีแล้ว
63. ห้องทรงงานของในหลวง อยู่ใก ล้ห้องบรรทม บนชั้น 8 ของตำหนักจิตรลดาฯเป็นห้องเล็กๆ ขนาด 3x4 เมตร ภายในห้องมีวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องพยากรณ์ แผนที่ ฯลฯ

64. สุนัขทรงเลี้ยง นอกจากคุณทองแดง สุวรรณชาด สุนัขประจำรัชกาล ที่ปัจจุบันอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล แล้ว ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก 33 ตัว
65. ในหลวง เกิดจากคำที่ชาวเหนือใช้เรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า 'นายหลวง' ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็น ในหลวง
66. ทรงเชี่ยวชาญถึง 6 ภาษา คือ ไทย ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน และ สเปน
67. อาชีพของในหลวง เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อเอกสารสำคัญใดๆทรงโปรดให้กรอกในช่อง อาชีพ ของพระองค์ว่า 'ทำราชการ'
68. ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์ รถพระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา ตอนนั้นมีอายุเพียง 20 พรรษา และทรงใช้พระเนตรข้างซ้ายข้างเดียว ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชนชาวไทยมาตลอดกว่า 60 ปี

69. ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือเกี่ยวกับในหลวงว่า แซกโซโฟนที่ทรงอยู่เป็นประจำนั้นเป็นแซกโซโฟนที่ทำด้วยทองคำเนื้อแท้บริสุทธิ์ ซึ่งได้มีพระราชดำรัสว่า'อันนี้ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนักมาก ยกไม่ไหวหรอก'
70. ปีหนึ่งๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอแค่ 12 แท่ง ใช้เดือนละแท่ง จนกระทั่งกุด
71. หัวใจทรงเต้นไม่ปรกติ ในหลวงเคยประชวรหนักจนหัวใจเต้นไม่ปกติ เนื่องจากติดเชื้อไมโครพลาสม่า ขณะขึ้นเยี่ยมราษฎรที่อำเภอสะเมิงติดต่อกันหลายปี
72. รู้หรือไม่ว่า ในหลวงเป็นคนประดิษฐ์รูปแบบฟอนต์ภาษาในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้อย่าง ฟอนต์จิตรลดา ฟอนต์ภูพิงค์
73. ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จัดขึ้นที่อิมแพ็ค มีประชาชนเข้าชมรวม 6ล้านคน
74. ในหลวงเริ่มพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2493 จน 29 ปีต่อมาจึงมีผู้คำนวณว่าเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง ประทับครั้งละ 3 ชม. ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน 470,000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมด 141 ตัน

75. ดอกไม้ประจำพระองค์ คือ ดอกดาวเรือง
76. สีประจำพระองค์คือ สีเหลือง

77. นั่งรถหารสอง : ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารเสมอว่า การนั่งรถคนละคันเป็นการสิ้นเปลือง จึงให้นั่งรวมกัน ไม่โปรดให้มีขบวนรถยาวเหยียด 

 

 

 

          อ่านจบแล้วกรุณาส่งต่อด้วยครับ  เพื่อชาวไทยจะได้สำนึกรักในหลวงของเรามากๆ



Tukta BarBie Blythe
 



 

 


 


 

  

 

 



ถูกพบอยู่กับ Buddy! แท็กรูปของคุณแล้วลุ้นคว้ารางวัลอันน่าตื่นตาตื่นใจ คลิกที่นี่เลย

แบ่งปันความทรงจำกับคนอื่นๆ ที่คุณต้องการทางออนไลน์ได้ คนอื่นๆ ที่คุณต้องการ

With Windows Live, you can organize, edit, and share your photos.

แบ่งปันความทรงจำกับคนอื่นๆ ที่คุณต้องการทางออนไลน์ได้ คนอื่นๆ ที่คุณต้องการ

ปาร์ตี้ไปกับ Buddy! เติมประกายให้ Messenger ของคุณด้วย emoticons ฟรีๆ คลิกที่นี่เลย

แบ่งปันความทรงจำกับคนอื่นๆ ที่คุณต้องการทางออนไลน์ได้ คนอื่นๆ ที่คุณต้องการ

ถูกพบอยู่กับ Buddy! แท็กรูปของคุณแล้วลุ้นคว้ารางวัลอันน่าตื่นตาตื่นใจ คลิกที่นี่เลย

ถูกพบอยู่กับ Buddy! แท็กรูปของคุณแล้วลุ้นคว้ารางวัลอันน่าตื่นตาตื่นใจ คลิกที่นี่เลย

ปาร์ตี้ไปกับ Buddy! เติมประกายให้ Messenger ของคุณด้วย emoticons ฟรีๆ คลิกที่นี่เลย

With Windows Live, you can organize, edit, and share your photos.

What can you do with the new Windows Live? Find out

ด้วย Windows Live คุณสามารถจัดการ แก้ไข และ แบ่งปันภาพถ่ายของคุณ

แบ่งปันรูปถ่ายกันอย่างง่ายดายด้วย Windows Live™ Photos ลากแล้วปล่อย

โหลดฟรี! โปรแกรม Windows Live ครบชุด Windows Live Services

แบ่งปันรูปถ่ายกันอย่างง่ายดายด้วย Windows Live™ Photos ลากแล้วปล่อย

โหลดฟรี! โปรแกรม Windows Live ครบชุด Windows Live Services

แชตออนไลน์ทันใจกับเพื่อนและครอบครัวของคุณ! Windows Live Messenger

โหลดฟรี! โปรแกรม Windows Live ครบชุด Windows Live Services

Windows Live: Make it easier for your friends to see what you're up to on Facebook.

Hotmail: Trusted email with powerful SPAM protection. Sign up now.

Windows 7: ช่วยให้สิ่งที่คุณทำอยู่ทุกวันง่ายขึ้น ค้นหาพีซีที่เหมาะสมกับคุณ